ผลสำรวจชี้ ไทยติด 1 ใน 5 ประเทศเป้าหมายดึงดูดนักลงทุนมากที่สุดร่วมกับเวียดนาม จีน อินโดนีเซีย และสหรัฐฯ ในบรรดากลุ่มประเทศสมาชิกเอเปก
ศูนย์วิจัย PwC ทำการสำรวจผู้นำทางธุรกิจจำนวน 1,412 คนที่มาจากกลุ่มประเทศสมาชิกความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก หรือ APEC ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคมที่ผ่านมา พบว่ามากถึง 47%ของ นักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติที่ถูกสำรวจต้องการที่จะยกระดับการลงทุนในเวียดนามในระยะเวลา 12 เดือนต่อจากนี้ รองลงมาคือ 45% ต้องการเพิ่มการลงทุนในอินโดนีเซีย 36% ต้องการเพิ่มการลงทุนในไทย และมีเพียง 31% เท่านั้นที่ต้องการเพิ่มการลงทุนในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย
นายศรีดาราน แนร์ หุ้นส่วนอาวุโสของ PwC ประจำมาเลเซียและเวียดนามกล่าวระหว่างการประชุมผู้นำประเทศเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก หรือ APEC ที่เมืองดานังของเวียดนามถึงปัจจัยดึงดูดนักลงทุนว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือพื้นที่ที่ค่อนข้างมีเสถียภาพทางการเมืองในระดับหนึ่ง มีข้อได้เปรียบที่เห็นได้ชัดคือเรื่องของประชากรซึ่งปัจจุบันมีจำนวนมากถึง 600 ล้านคน และมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นแรงงานอายุยังน้อย ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและการบริโภค ที่สำคัญก็คือแต่ละประเทศกำลังมุ่งมั่นที่จะผลักดันนโยบายทางเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการเข้ามาลงทุนของชาวต่างชาติ
นอกจากนี้นายศรีดาราน แนร์ ยังได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับเว็บไซต์บางกอกโพสต์อีกด้วยว่า จุดแข็งของไทยคือการมีฐานการผลิตจากต่างชาติที่แข็งแกร่ง ซึ่งแม้ว่าขณะนี้อุตสาหกรรมต่างๆในประเทศไทยจะต้องแข็งขันกับตลาดในต่างประเทศที่ดุเดือดขึ้นทุกขณะ แต่ไทยจะยังคงเป็นที่จับตามองและดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักลงทุนจากญี่ปุ่นและชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอื่นๆ
อย่างไรก็ตามแม้ไทยจะมีหลายปัจจัยที่สามารถดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกได้อยู่แล้ว แต่การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดทั้งเรื่องของข้อกฎหมายและวิสัยทัศน์ของรัฐบาลในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามก็เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะทำให้การเข้ามาทำธุรกิจของชาวต่างประเทศง่ายขึ้น ซึ่งนายศรีดารานชี้ว่า แม้สถานการณ์ทางการเมืองของไทยจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงมากมาย ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมของทั้งนักลงทุนและผู้บริโภคในปัจจุบัน แต่ผลสำรวจข้างต้นที่ระบุว่าไทยคือ 1 ใน 5 ประเทศที่น่าลงทุนมากที่สุดก็คือข้อพิสูจน์ว่าในสายตาชาวโลกยังคงมีหวังกับการลงทุนในไทยต่อไปในอนาคต