รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 5 มิถุนายน 2563

“อ.พิชญ์” มองปม “ยืมนาฬิกาเพื่อน” ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง ที่ ป.ป.ช. ต้องมาช่วย ”ประวิตร” ให้ลอยอยู่เหนือกฎกติกา ที่ใช้ตัดสินคนอื่น พรรคการเมืองอื่น ชนิดค้านสายตาคนทั้งประเทศ ชี้หากตัดสินตามเนื้อผ้า “ประวิตร” ก็ไม่ได้เสียหายอะไร ยิ่งจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ระวังเรื่องที่ใช้กำจัดคู่แข่งย้อนเข้าตัว 

“อ.วิโรจน์” ก็ถาม..ถ้าเป็น “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ-ธนาธร” ยืมนาฬิกาเพื่อนบ้าง ป.ป.ช.จะใช้ “บรรทัดฐาน” เป็นอย่างไร 

นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงการวินิจฉัย ให้คดียืมนาฬิกาเพื่อน ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์และหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช. ว่า การยื่นบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สิน เป็นเพียงเครื่องมือในการปราบปรามการทุจริต และในบทบัญญัติตามกฎหมาย ป.ป.ช. มีอำนาจเพียงตรวจสอบความถูกต้อง และความมีอยู่จริงของทรัพย์สินหากพบว่ามีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ จึงจะสามารถ เอาผิดได้ แต่การปกปิดทรัพย์สินต้องดูที่เจตนา รวมถึงต้องดูพฤติการณ์ว่ามีการร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ ซึ่งทรัพย์สินที่ต้องแจ้งต่อ ป.ป.ช. มี 9 ประเภท และหนี้สิน 4 ประเภท ทุกประเภทที่แจ้งมาต้องดูข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย

อย่างกรณีคดีร่ำรวยผิดปกติ ของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ไม่แจ้งทรัพย์สินรถยนต์ โดยอ้างว่า ยืมรถของเพื่อน แต่เมื่อตรวจสอบก็พบข้อเท็จว่า ไม่ใช่รถยืมมา แต่เป็นรถของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ข้อห่วงใยของปัญหานี้ ป.ป.ช. ก็พร้อมปรับปรุงกฎเกณฑ์ แต่ย้ำว่า การทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ก็ต้องยึดหลักกฎหมาย พร้อมย้ำว่าปัญหาการยืมเพื่อนไม่ต้องแจ้งทรัพย์สินนี้ ไม่ใช่ช่องโหว่ทางกฎหมาย และเชื่อว่าจะไม่เป็นบรรทัดฐานให้นักการเมืองคนอื่นๆ นำมาใช้แอบอ้างในการไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สิน