ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่อย่างวอลมาร์ตของสหรัฐฯ ประกาศจับมือกับบริษัทไมโครซอฟท์ ร่วมพัฒนาการให้บริการด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และคลาวด์ เพื่อแข่งขันกับอีคอมเมิร์ซรายใหญ่อย่างแอมะซอน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ร้านค้าปลีกรายใหญ่อย่างวอลมาร์ตประกาศร่วมมือเป็นพาร์ตเนอร์ทางยุทธศาสตร์ธุรกิจกับบริษัทไมโครซอฟท์ ผู้ผลิตและผู้พัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลก เพื่อพัฒนาการให้บริการด้วยการใช้เทคโนโลยีคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ
การร่วมมือกันครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณครั้งสำคัญในการเป็นคู่แข่งกับบริษัทแอมะซอน อีคอมเมิร์ซระดับโลกสัญชาติอเมริกันของนายเจฟฟ์ เบซอส โดยทางวอลมาร์ตกับไมโครซอฟท์จะทำข้อตกลงกันเป็นระยะเวลา 5 ปี ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีคลาวด์และเอไอ เพื่อเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการซื้อสินค้าของผู้บริโภค รวมถึงเพื่อการจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วอีกด้วย
ซึ่งระบบคลาวด์ที่จะถูกนำมาใช้ก็คือระบบที่ผู้ให้บริการจะสามารถแบ่งปันทรัพยากร ซอฟต์แวร์ และข้อมูลสารสนเทศระหว่างกันผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทำให้เป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างมากในการนำมาใช้เพื่อประกอบธุรกิจแบบอีคอมเมิร์ซในยุคดิจิทัลที่มีการแข่งขันที่สูงมาก โดยจะมีการใช้งานบนแพลทฟอร์ม Azure Microsoft และ Microsoft 365 เป็นหลัก
ทางวิศวกรของทั้งบริษัท ไมโครซอฟท์และวอลมาร์ต จะทำงานร่วมกันเพื่อจะที่จะย้ายข้อมูลสำคัญของร้านค้าปลีกวอลมาร์ททั้งบนเว็บไซต์ walmart.com และ samsclub.com ไปอยู่บน อาซัวร์ของไมโคซอฟท์ (Azure Microsoft) ที่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับจัดเก็บข้อมูลออนไลน์บนอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อสะดวกต่อการพัฒนาธุรกิจ โดยทางวอลมาร์ตมีความต้องการที่จะอัพเกรดบริการด้านอีคอมเมิร์ซของตัวเองให้สามารถแข่งขันกับบริษัทซื้อขายสินค้าออนไลน์อย่างแอมะซอนได้ดียิ่งขึ้น
หลายเดือนที่ผ่านมา ความมุ่งมั่นอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ การที่บริษัทไมโครซอฟท์นั้นพยายามที่จะหาทางลดปัญหาการเข้าคิวเพื่อชำระสินค้าที่จุดแคชเชียร์ในศูนย์การค้า ด้วยการนำเทคโน���ลยีการคิดเงินที่มีประสิทธิภาพเข้ามาใช้ ในขณะที่บริษัทวอลมาร์ตนั้นก็มีการปรับตัวด้วยการลดขนาดของการให้บริการอีคอมเมิร์ซเพื่อวางกลยุทธ์ในการแข่งขันกับแอมะซอนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การใช้เทคโนโลยีคลาวด์ของไมโครซอฟท์ครั้งนี้ เป็นการนำมาใช้แทนที่ตำแหน่งของพนักงานในร้านค้าบางตำแหน่ง เช่น แคชเชียร์และพนักงานเช็กสต็อกสินค้า ทางไมโครซอฟท์มองว่าเทคโนโลยีดังกล่าว จะเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับบริษัทค้าปลีกให้สามารถแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซได้
ดังนั้น การที่วอลมาร์ตและไมโครซอฟท์ร่วมมือกันเป็นพาร์ตเนอร์โดยการนำระบบปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการทำธุรกิจแบบอีคอมเมิร์ซ และการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ในการแบ่งปันและอัปเดตข้อมูลด้วยอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงนั้น เป็นการเพิ่มศักยภาพของทั้งสองบริษัทในการแข่งขันกับทางบริษัทแอมะซอน มากยิ่งขึ้น
Source