ไม่พบผลการค้นหา
สถาบันการเงินระหว่างประเทศคาดสิ้นปีนี้ตัวเลขหนี้ทั่วโลกจะทุบสถิติสูงสุด มีรัฐบาลสหรัฐฯ-จีนก่อหนี้รวมกันเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60

รายงานจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอไอเอฟ ที่ออกมาเมื่อวันศุกร์ (15 พ.ย.2562) ระบุว่า ประมาณการตัวเลขหนี้สินรวมทั่วโลกของปี 2562 จะสูงที่สุดทะลุ 255 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6,800 ล้านล้านบาท และคิดเป็นการก่อหนี้รายหัวที่ระดับ 32,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 980,000 บาท จากจำนวนประชากรทั้งหมด 7,700 ล้านคนทั่วโลก 

จำนวนหนี้มหาศาลที่มากกว่า 3 เท่าของผลผลิตทางเศรษฐกิจโลก (จีดีพี) มาจากการเพิ่มขึ้นของหนี้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 เป็นจำนวนถึง 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 226 ล้านล้านบาท โดยร้อยละ 60 มากจากสหรัฐฯ และจีน

คำแถลงของรายงานกล่าวว่า "จีนและสหรัฐฯ เป็นผู้สร้างหนี้ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60 ในทำนองเดียวกันเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ก็มีหนี้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 71.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (2,156 ล้านล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 220 ของจีดีพี ด้วยแนวโน้มการก่อหนี้ที่ไม่ลดลง จึงทำให้ประเมินว่าตัวเลขหนี้ของโลกจะทะลุ 255 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (6,800 ล้านล้านบาท) ภายในสิ้นปี"

เมื่อลงไปมองเป็นรายภาคส่วน ส่วนของรัฐบาลก่อหนี้สูงที่สุดในครึ่งแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นราวร้อยละ 1.5 ตามมาด้วยบริษัทที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเงินที่สัดส่วนร้อยละ 1

ในทำนองเดียวกัน บทวิเคราะห์อีกชิ้นจาก ธนาคารแห่งอเมริกา หรือ BofA ระบุว่า นับตั้งแต่ 'เลห์แมน บราเธอร์ส' ธนาคารเพื่อการลงทุนล่มสลายไป รัฐบาลทั่วโลกสร้างหนี้ไปแล้วกว่า 30 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 906 ล้านล้านบาท ขณะที่บริษัทเอกชนก่อหนี้ไป 25 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 755 ล้านล้านบาท ภาคครัวเรือนก่อหนี้ไป 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 271 ล้านล้านบาท และธนาคารก่อหนี้ไป 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 60 ล้านล้านบาท 

นอกจากนี้ รายงานของไอไอเอฟ ที่อ้างอิงจาก ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) และ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รวมทั้งข้อมูลจากไอไอเอฟสะท้อนว่า ตัวเลขหนี้นอกภาคการเงินเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 240 ของจีดีพีโลก มากอยู่ 190 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 5,700 ล้านล้านบาท 

ขณะที่รายงานอีกฉบับของไอไอเอฟที่ออกมาเมื่อเดือนสิงหาคม 2562 ภายใต้ชื่อ 'ระดับหนี้ที่สูงและเพิ่มขึ้น; เราควรกังวลหรือไม่' แสดงกราฟที่สะท้อนว่าแม้นโยบายการเงินทั่วโลกจะดำเนินอยู่ในสภาวะผ่อนคลายแต่ปริมาณหนี้กลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กราฟ- หนี้

ที่มา; IIF

ในกราฟ 'เดจาวู ดอกเบี้ยต่ำลง หนี้สูงขึ้น' สะท้อนตัวเลขว่าในปี 2555 ตัวเลขหนี้ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯอยู่ที่ ประมาณ 200 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ตัวเลข ณ เดือนสิงหาคม ปี 2562 กลับพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ระดับประมาณ 245 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 

ขณะที่ยอดหนี้เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของทุกประเทศทั่วโลกหรือจีดีพีของโลก ในปี 2555 อยู่ที่ร้อยละ 300 ของจีดีพี ก่อนพุ่งขึ้นไปสูงสุดที่กลางปี 2559 - 2560 ในระดับประมาณร้อยละ 320 ของจีดีพี ก่อนลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 320 ของจีดีพีเล็กน้อย ณ เดือนสิงหาคม 2562 

อีกทั้งในรายงานฉบับนี้ยังสะท้อนว่า บริษัทที่อยู่นอกเหนือธุรกิจการเงินและภาครัฐก่อหนี้เพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลกนับตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา เมื่อวัดผลในรูปตัวเงิน

กราฟ- หนี้

ที่มา; IIF

ในกราฟที่แสดงสัดส่วนการเพิ่มขึ้นของหนี้ในแต่ละภาคส่วน สะท้อนตัวเลขหนี้ที่เพิ่มขึ้นในภาคสังคม ภาคบริษัทนอกเหนือธุรกิจการเงิน ภาครัฐ และภาคบริษัทในกลุ่มธุรกิจการเงิน ในทุกไตรมาสที่ 1 ของแต่ละ 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2540 2550 2560 และในปีปัจจุบันคือ 2562 ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าทุกภาคส่วนล้วนมีสัดส่วนหนี้ที่มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทนอกเหนือธุรกิจการเงิน ภาครัฐ ระหว่างปี 2550 ถึง 2560 

กราฟ- หนี้

ที่มา; IIF

ประเด็นสุดท้ายที่ทำให้หนี้ของโลกสูงขึ้นก็มาจากยักษ์ใหญ่เศรษฐกิจโลกอย่างจีนและสหรัฐฯที่เดินหน้าก่อหนี้มหาศาล จากกราฟ 'ช้างในห้อง; สหรัฐฯและจีน' จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า การก่อหนี้ของจีนเพิ่มขึ้นอย่างมากจากปี 2545 ขณะเดียวกัน แม้กราฟจะไม่ได้แสดงการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของปริมาณหนี้ของสหรัฐฯ แต่ก็สะท้อนให้เห็นการเติบโตอย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน

อ้างอิง; Reuters, CNBC

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: