ไม่พบผลการค้นหา
อังกฤษเตรียมปลดล็อกดาวน์ แม้ผู้ติดเชื้อพุ่งสองหมื่น พร้อมเปิดโรดแมปสู่การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด

นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน (Boris Johnson) ประกาศเตรียมยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เกือบทั้งหมดที่รัฐบาลเคยบังคับใช้ ภายใน 19 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป หลังประเทศเคยเผชิญการล็อกดาวน์มาแล้วกว่า 3 ครั้ง ท่ามกลางสภาวะที่ยังมีผู้ติดเชื้อใหม่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่ยังไม่จะบรรเทาลง

ถึงแม้ว่าจะมีการคาดการณ์ทางวิทยาศาสตร์ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะสูงขึ้นหลังการคลายมาตรการล็อกดาวน์ แต่แผนการฉีดวัคซีนของรัฐบาลที่กระจายอย่างทั่วถึงจะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้าโรงพยาบาลและจำนวนผู้เสียชีวิตจะลดลง รัฐบาลจอห์นสันจึงมีเพื่อคลายล็อกดาวน์ดังกล่าว พร้อมปูทางโรคแมปไปสู่การใช้ชีวิตร่วมกับโควิดในอนาคต บนพื้นฐานใหม่ดังนี้ 


เรียนรู้อยู่กับโควิด

จอห์นสันจะเริ่มปลดมาตรการล็อกดาวน์เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้และเคยชินกับกาตใช้ชิวิตบนวิถีใหม่ร่วมกับโควิดตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคมนี้ ส่วนมาตรการสำหรับภาคธุรกิจบางกลุ่มยังต้องรอการประเมินจากรัฐบาลอีกครั้งในวันที่ 12 กรกฎาคม โดยรายละเอียดของการประกาศยเตรียมยกเลิกมาตรการล็อกดาวนืจะประกอบไปด้วย

  • ยกเลิกมาตรการบังคับสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ
  • ยกเลิกมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม
  • รัฐบาลจะไม่บังคับให้ต้อง work from home อีกต่อไป
  • ร้านอาหารและภัตตาคารสามารถเปิดบริการได้อย่างเต็มรูปแบบโดยไม่ต้องจำกัดจำนวนโต๊ะ
  • ยกเลิกจำกัดจำนวนการจับกลุ่มกันเกิน 6 คน
  • ด้านภาคส่วนธุรกิจสามารถเปิดให้บริการตามปกติได้ซึ่งรวมถึงสถานบันเทิงยามค่ำคืน โรงภาพยนตร์ คอนเสิร์ต และสนามกีฬา โดยไม่ต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ซึ่งการคลายมาตรการของภาคส่วนธุรกิจนี้ รัฐบาลจะยืนยันอีกครั้งในวันที่ 12 กรกฎาคม
  • หากติดเชื้อโควิด ประชาชนยังคงต้องแยกตัวเองออกจากสังคมหรือสามารถร้องเรียนไปยังระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ (National Health Service: NHS) ให้จัดสถานที่สำหรับกักตัวได้
  • ในสถานศึกษายังคงปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข

ด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รัฐบาลอังกฤษได้แบ่งกลุ่มประเทศไว้แล้ว 3 กลุ่มได้แก่ ประเทศกลุ่มสีเขียว สีเหลือง และสีแดง ซึ่งหากประชาชนเดินทางกลับมาจากประเทศแต่ละกลุ่มจะมีมาตรการกักกันโรคที่ต่างกัน โดยประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศสีเหลือ โดยพลเมืองผู้ที่เดินทางจากกลุ่มประเทศสีเหลืองไม่จำเป็นต้องเข้ารับการกักตัวแล้ว ตามประกาศล่าสุดของรัฐบาล

การประกาศคลายมาตรการครั้งนี้ช้ากว่ากำหนดการเดิม 1 เดือนเนื่องจากหลายฝ่ายยังกังวลกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้าอีกทั้งการฉีดวัคซีนยังไม่ถึงเป้าหมาย ในการแถลงนี้จอห์นสันได้กล่าวถึงเหตุผลการตัดสินใจยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ว่า “ถ้าเราไม่สามารถที่จะเปิดในสัปดาห์อันใกล้ได้ เราต้องถามตัวเองว่า แล้วเมื่อไหร่ถึงจะสามารถกลับไปเป็นปกติได้”


'วัคซีน' กุญแจสำคัญ

ขณะที่สถานการณ์โควิดในอังกฤษยังคงมีผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ในวันเดียวกันกับที่นายกฯ ประกาศแผนยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ สหราชอาณาจักรมีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่ในวันเดียวถึง 27,334 รายและเสียชีวิตเพิ่ม 9 ราย

แผนการยกเลิกล็อกดาวน์ของรัฐบาลอังกฤษมีขึ้นบนสมมติฐานความเชื่อที่ว่า รัฐบาลได้เนินการตามแผนฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงเป็นวงกว้าง โดยปัจจุบันมีจำนวนประชากรวัยผู้ใหญ่ที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วกว่า 64% ส่วนผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี นายกฯอังกฤษให้คำมั่นว่าจะเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนต่อประชากรกลุ่มวัยดังกล่าวให้เร็วยิ่งขึ้น และเว้นช่วงเวลาการฉีดโดสแรกกับโดสที่สองจากเดิมที่ 12 สัปดาห์เหลือ 8 สัปดาห์

ขณะเดียวกันรัฐบาลยังวางเป้าหมายให้ผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไปได้รับวัคซีนครบ 2 โดส ภายในเดือนกันยายน  ส่วนอัตราผู้เสียชีวิตที่มีต่อเนื่องทุกวันนั้นรัฐบาลอังกฤษเชื่อว่า การให้ประชาชนเข้าถึงวันซึนอย่างทั่วถึงให้มากที่สุดจะช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตลงได้


ผู้เชี่ยวชาญแย้ง

ท่ามกลางเป้าประสงค์ของรัฐบาลที่เตรียมยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในส่วนใหญ่ เพื่อให้ประชาชนได้คุ้นชินกับการใช้ชีวิตท่ามกลางโควิดนั้น ทว่าหลายฝ่ายยังคงกังวลต่อนโยบายดังกล่าวว่า สหราชอาณาจักรอาจยังไม่พร้อมต่อแผนโรคแมปนี้ แม้ว่ารัฐมนตรีว่าการสาธารณสุขจะยืนยันถึงศักยภาพของการฉีดวัคซีนซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่เชื่อว่าจะทำให้ชาวเรียนรู้และใช้ชีวิตอยู่กับโควิด

ศาสตราจารย์คริส วิตตี (Christ Whitty) หัวหน้าฝ่ายการแพทย์ หน่วยงานสาธารณสุขแห่งชาติ แสดงความคิดเห็นแย้งต่อแนวคิดของรัฐบาลจอห์นสัน โดยชี้ว่าระบบบริการสาธารณสุข (NHSX จะเผชิญความเสี่ยงการแพร่ระบาดระลอกใหม่ โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว สืบเนื่องจากมาตรการที่รัฐไม่บังคับสวมหน้ากากในที่สาธารณะ ว่าอาจเป็นความเสี่ยงที่อาจให้มียอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงถึง 50,000 ราย

 ด้าน เซอร์ เกียร์ สตาร์เมอร์ (Sir Keir Starmer) ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคแรงงาน กล่าวโจมตีมาตรการของนายกรัฐมนตรีว่า “จอห์นสันสะเพร่าที่ยกเลิกมาตรการควบคุมทั้งหมดออกไป” ทั้งยังแนะนำว่าการสวมหน้ากากอนามัยควรบังคับใช้ต่อไปจนกว่าจะถึงจุดสิ้นสุดของการระบาดระลอกที่สาม

สอดคล้องกับ สตีเฟน พาวอิส (Stephen Powis) ผู้อำนายการกรมการแพทย์อังกฤษ แสดงความกังวลต่อภาระของระบบสาธารณสุขที่อาจขาดแคลนเตียงรอรับผู้ป่วยในอนาคตว่า “การติดเชื้อตอนนี้ยังสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่จำนวนโรงพยาบาลไม่ได้เพิ่มเหมือนจำนวนผู้ติดเชื้อ”

อย่างไรก็ตาม เฮเลน เวทเทอลี (Helen Whately) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการดูแลสังคม โต้แย้งความเห็นของทั้งสองคนโดยชี้ว่า  “รัฐบาลไม่ได้ต้องการให้ผู้ติดเชื้อและไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล เนื่องจากการฉีดวัคซีนทำได้สำเร็จและประสิทธิภาพ”

ที่มา: BBC , Bloomberg , Independent UK