นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา แผ่นน้ำเเข็งในหมู่เกาะกรีนแลนด์ ทางตอนเหนือของมหาสมุทรอาร์กติกละลายมากถึง 11,000 ล้านตันภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณน้ำในสระว่ายน้ำโอลิมปิก 4.4 ล้านสระ และในช่วงเดือนกรกฎาคมแผ่นน้ำแข็งละลายไปแล้วกว่า 197,000 ล้านตัน ซึ่งมีปริมาณน้ำเทียบเท่ากับน้ำในสระน้ำว่ายน้ำโอลิมปิกขนาดมาตรฐานประมาณ 80 ล้านสระ และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีแผ่นน้ำแข็งละลายเพียง 60,000-70,000 ล้านตันเท่านั้น

ทีมนักวิทยาศาสตร์ยังระบุว่า การละลายของน้ำแข็งในหมู่เกาะกรีนแลนด์ มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศที่ร้อนขึ้นและยังรวมไปถึงคลื่นความร้อนที่เข้าโจมตีภูมิภาคยุโรปในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้แผ่นน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า คลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมมหาสมุทรอาร์กติกนั้นเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงสุดนับตั้งปี 1950 ที่มีการบันทึกเป็นต้นมา

รูธ มอตแทรม นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันอุตุนิยมวิทยาเดนมาร์ก กล่าวว่า "อุณหภูมิอากาศที่ร้อนขึ้นในหมู่เกาะกรีนแลนด์จะยังคงดำเนินต่อไปอีกในระยะ 2-3 วันนี้ หรืออาจจะยาวนานกว่านั้น ซึ่งโดยปกติแล้วฤดูกาลการละลายของน้ำแข็งนั้นจะสิ้นสุดในช่วงปลายเดือนสิงหาคม และต่อจากนี้แผ่นน้ำแข็งในหมู่เกาะกรีนแลนด์จะยังคงมีการละลายต่อไป แต่จะไม่เท่ากับช่วง 2-3 สัปดาห์ที่่ผ่านมา'

แผ่นน้ำแข็งที่หมู่เกาะกรีนแลนด์เป็นแผ่นน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และการละลายของแผ่นน้ำแข็งดังกล่าวส่งผลให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มขึ้นประมาณครึ่งมิลลิเมตร

อย่างไรก็ตาม มีการประเมินว่าในปีนี้แผ่นน้ำแข็งในหมู่เกาะกรีนแลนด์จะละลายมากถึง 248,000 ล้านตัน ซึ่งน้อยกว่าเมื่อปี 2012 ที่หมู่เกาะกรีนแลนด์ได้สูญเสียแผ่นน้ำแข็งเนื่องจากภูมิอากาศที่ร้อนขึ้นไปกว่า 250,000 ล้านตัน ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำทะเลในปีนั้นเพิ่มขึ้นประมาณ 80 มิลลิเมตร

ที่มา CNN / Nationalgeographic