ไม่พบผลการค้นหา
กรมอนามัย เตือนประชาชนที่นิยมสั่งอาหารประเภทหมูกระทะแบบเดลิเวอรี่หรือสั่งทางออนไลน์ หากมีกระบวนการผลิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะ วัตถุดิบไม่สะอาด ไม่มีคุณภาพ บริโภคเข้าไปเสี่ยงติดเชื้อระบบทางเดินอาหารได้

นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า การสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่หรือสั่งอาหารออนไลน์เป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากความสะดวกรวดเร็ว ทันเวลา โดยเฉพาะอาหารประเภทหมูกระทะที่การจัดส่งวัตถุดิบส่วนใหญ่เป็นของสด ทั้งเนื้อหมู ผัก และน้ำจิ้มปรุงรส ทำให้บางพื้นที่พบว่ามีกลุ่มแรงงานต่างด้าว ทำการลักลอบขายหมูกระทะที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ถูกสุขลักษณะ โดยทำป้ายโฆษณาเลียนแบบยี่ห้อหมูกระทะร้านต่างๆ ถือว่ามีความผิดประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ประชาชนโทรสั่งจำนวนมากเพราะเข้าใจผิดว่า เป็นร้านหมูกระทะทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่พบว่าหมูกระทะเหล่านี้มีกระบวนการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐานไม่ถูกสุขลักษณะ วัตถุดิบ อุปกรณ์ และภาชนะบรรจุอาหารไม่สะอาดและไม่มีคุณภาพ ผู้ปรุงประกอบอาหารไม่มีสุขวิทยาส่วนบุคคลที่ดี ทำให้เสี่ยงปนเปื้อนเชื้อโรคและสารเคมีต่าง ๆ ส่งผลให้เมื่อบริโภคมีโอกาสเสี่ยงโรคระบบทางเดินอาหารตามมาได้ ซึ่งกรณีดังกล่าวได้เกิดขึ้นแล้วในบางจังหวัด

นอกจากนี้สิ่งที่ต้องคำนึงถึงความสะอาดที่คู่กันกับหมูกระทะคือน้ำจิ้ม ซึ่งมักทำน้ำจิ้มไว้ในปริมาณมากและทิ้งไว้นาน หรือหากปรุงโดยไม่ถูกสุขอนามัยและเก็บรักษา ไม่ถูกวิธีอาจทำให้เสี่ยงท้องร่วงได้เช่นเดียวกัน ผู้บริโภคจึงควรสังเกตจากสี กลิ่น และรสชาติ หากพบความผิดปกติไม่ควรกินและแจ้งเจ้าของร้านทันที

ในกรณีที่พบการผลิตอาหารประเภทนี้หรืออาหารประเภทอื่นๆ ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ องค์การปกครอง ส่วนท้องถิ่นสามารถนำกฎกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับสถานที่จำหน่ายอาหารมาบังคับใช้หรือกำหนดมาตรการในการควบคุมดูแลการประกอบกิจการ สถานที่จำหน่ายหรือสะสมอาหาร หรือโดยการออกข้อกำหนดของท้องถิ่น (ข้อบังคับระดับตำบล) เกี่ยวกับสุขลักษณะของการประกอบกิจการจำหน่ายหรือสะสมอาหารที่ผู้ประกอบกิจการต้องปฏิบัติตามมาตรา 40 อาทิ หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดตั้ง ใช้ และการดูแลรักษาความสะอาด และสุขลักษณะสถานที่ที่ใช้จำหน่าย จัดไว้สำหรับบริโภคอาหาร หรือใช้เป็นที่ทำประกอบ ปรุง หรือสะสมอาหาร เป็นต้น 

ทั้งนี้ กรมอนามัยผลักดันและสนับสนุนองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น มีข้อบัญญัติว่าด้วยสถานที่จำหน่ายอาหารและสถานที่สะสมอาหาร ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข 2535 โดยสามารถขอรับการสนับสนุนด้านวิชาการได้จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ศูนย์อนามัยเขต หรือสำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย