สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2564 หรือตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่า GDP ของจีนขยายตัวมากถึง 9.8% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจทั้งสิ้น 12.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 426.75 ล้านล้านบาท

ขณะที่ไตรมาสที่ 2 และ 3 GDP จีนขยายตัว 7.9% และ 4.9% ตามลำดับเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 ทำให้ในไตรมาสที่ 3 เศรษฐกิจจีนเติบโตต่ำที่สุดในปีนี้ ซึ่งสำนักข่าว China Daily ระบุว่ามีสาเหตุมาจากการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคภายในประเทศ การกลับมาเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อโคโรนา 2019 และเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์

ฟู่หลินฮุย โฆษกประจำสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนกล่าวว่า การฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของจีนยังคงเป็นไปอย่างไม่มีความแน่นอนท่ามกลางความท้าทายที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

หนึ่งในอุปสรรคสำคัญคือกรณีที่จีนขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าทำให้ส่งผลกระทบโดยตรงกับอุตสาหกรรมการผลิต และความจำเป็นในการปิดท่าเรือหลายเแห่งเป็นการชั่วคราวเพื่อการสกัดการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ภาคธุรกิจไม่สามารถส่งสินค้าได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์จะค่อยๆ ฟื้นตัว หลังจากที่รัฐบาลจีนมีนโยบายเพิ่มซัพพลายด้านพลังงานและถ่านหิน

ขณะเดียวกัน การลุงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศขยายตัว 1.5% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรขยายตัว 7.3% ในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อเทียบกับ 3 ไตรมาสแรกของปี 2563 ตลาดแรงงานในจีนยังคงสถานะไม่น่ากังวล ยังคงเป็นรากฐานที่มั่นคงให้กับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศแม้มีการระบาดเกิดขึ้นบ้างเป็นระรอก ด้าน Xinhua รายงานว่าอัตราการว่างงานเดือน ก.ย.ในเขตเมืองของจีนอยู่ที่ 4.9% ลดลง 0.5% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย.2563