ไม่พบผลการค้นหา
คนจีนยื่นขอ ‘อีลีทการ์ด’ เพื่อขอสิทธิในการพักอาศัยในไทยระยะยาวเพิ่มมากขึ้น หลังจากผ่านเหตุการณ์โรคระบาดตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมา

สื่อญี่ปุ่นรายงาน นับตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนและในปักกิ่งในช่วงเดือนที่ผ่านมา คนจีนจำนวนมากยื่นสมัครของวีซ่าพำนักระยะยาวในประเทศไทยมากขึ้นตามโครงการไทยแลนด์อีลิทการ์ดโดยเฉพาะในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้

'บ็อบบี้ เหอ' ตัวแทนของโครงการอีลิทการ์ดไทยแลนด์กล่าวว่า "นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาทางบริษัทได้รับการสอบถามเรื่องวีซ่าจากคนจีนเป็นจำนวนมาก หลังจากที่จีนเห็นถึงแนวโน้มในการฟื้นตัวจากการระบาดของโควิดในไทย" 

เหอยังชี้ว่า แม้ว่าคนจีนบางคนไม่เคยเดินทางมาประเทศไทยเลย แต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น ทำให้คนจีนจำนวนมากมองหาบ้านหลังที่สองในต่างประเทศเพื่ออยู่อาศัยในระยะยาว ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทางบริษัทตัวแทนฯได้รับใบสมัครจาชาวจีนที่ยื่นขอ 'อีลิทการ์ด' ถึง 7 ราย

โครงการไทยแลนด์อีลิทการ์ดตั้งขึ้นในปีพ.ศ.2546 โดยดำเนินงานผ่านบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัดเพื่อออก ‘อีลิทการ์ด’ ให้กับกลุ่มชาวต่างชาติที่มีกำลังใช้จ่ายสูงและให้สิทธิพิเศษแก่ชาวต่างประเทศที่ต้องการพำนักอาศัยระยะยาวในประเทศไทย โดยทางการไทยจะให้สิทธิในการพำนักในประเทศเป็นระยะเวลา 5-20 ปี โดยได้รับการยกเว้นวีซ่า และทางผู้สมัครโครงการดังกล่าวจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในจำนวนเงิน 500,000-2,000,0000 บาท โดยจะครอบคลุมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งการมีรถลีมูซีนมารับที่สนามบิน รวมถึงสามารถช่องทางพิเศษในการตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินได้เช่นกัน

'อัลเลน เฉิน' หนึ่งในผู้ถืออีลิทการ์ดชาวจีนที่อาศัยอยู่ในจ.เชียงใหม่กล่าวว่า "คนจีนจำนวนมากกำลังมาแผนสำรองหลังจากเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดของโรคซาร์สในปี 2546 และเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มณฑลเสฉวนในปี 2549" 

เฉินยัง กล่าวว่า คนจีนบางรายนั้นตัดสินใจอยุ่ไทยต่อหลังจากเกิดการระบาดของโควิด-19 และมองหาช่องทางในการขอวีซ่าประเภทอื่นๆ หลังจากที่วีซ่านักท่องเที่ยวของชาวจีนที่อยุ่กินกำหนดและได้รับการต่ออายุเป็นกรณีพิเศษนั้นจะหมดลงในวันที่ 31 ก.ค.นี้

ข้อมูลเมื่อวันที่ 29 ก.พ. ระบุว่า ปัจจุบันมีชาวต่างชาติได้รับ ‘อีลิทการ์ด’ แล้วทั้งสิ้น 9,578 รายซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 6,495 ราย ในปี 2561 โดยสมาชิกอีลิทการ์ไทยแลนด์นั้นเป็นชาวจีนกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ชาวอังกฤษ 6 เปอร์เซ็นต์ ญี่ปุ่นและอเมริกันอีกชาติละ 5 เปอร์เซ็นต์

'นายสมชัย สูงสว่าง' ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้ทางบริษัทตั้งเป้าในการอนุมัตอีลิทการ์ดอีก 2,500 ใบ ซึ่งจะมีมูลค่าถึง 1,500 ล้านบาท นอกจากนี้ทางบริษัทมีแผนที่จะออกแพ็กเกจสำหรับสมาชิกใหม่ในเดือน ต.ค.ที่ถึงนี้ซึ่งจะรวมถึงโปรแกรมการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการโปรโมทการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทยอีกด้วย