มลรัฐต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ เริ่มทยอยประกาศกำหนดการวันสุดท้ายในการฉีดวัคซีนให้กับชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ที่มีสิทธิ์รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ออกมาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นบทพิสูจน์ของความสำเร็จในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเร็วกว่ากำหนดของบุคคลากรทางการแพทย์ในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ล่าสุด โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศ เลื่อนกำหนดวันสุดท้ายของการฉีดวัคซีนของทั้งประเทศให้เร็วขึ้นราว 2 สัปดาห์ คาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 19 เม.ย.นี้ จากเดิมคือวันที่ 1 พ.ค.

การแถลงข่าวครั้งสำคัญมีขึ้นที่ทำเนียบขาว หลังจากที่ไบเดนเดินทางไปยังเมืองอเล็กซานเดรียของเวอร์จิเนีย เพื่อเข้าเยี่ยมชมศูนย์วัคซีน ซึ่งหนึ่งในข้อความสำคัญคือ ขณะนี้ชาวอเมริกันได้รับวัคซีนไปแล้วมากกว่า 150 ล้านโดส ภายในระยะเวลาแค่ 75 วัน และ มีการยกระดับการฉีดวัคซีนจากเดิม 100 ล้านโดส เป็น 200 ล้านโดสในเวลา 100 วันแรกของการทำงานที่ทำเนียบขาวของไบเดน 

แม้ไบเดนและรัฐบาลของสหรัฐฯ จะพึงพอใจในผลงานเป็นอย่างมาก แต่ผู้นำสหรัฐฯ ยังย้ำอย่างต่อเนื่องว่าสหรัฐฯ ต้องเดินหน้าทำงานอย่างหนักเพื่อต่อสู้กับการระบาดต่อไป ทุกคนต้องพร้อมสำหรับการทำสงครามกับไวรัสเพื่อที่จะสามารถเอาชนะได้อย่างแท้จริง และนั่นคือสิ่งที่สหรัฐฯ เดินหน้าทำมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาวัคซีนที่เพียงพอ จัดหาผู้ฉีดวัคซีนให้มากขึ้น จัดสรรพื้นที่สำหรับการฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้มากขึ้น และเดินหน้าฉีดวัคซีนเฉลี่ยวันละ 3 ล้านโดส หรือมากราวสัปดาห์ละ 20 ล้านโดส โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสามารถฉีดวัคซีนได้มากกว่า 4 ล้านโดสใน 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว

ทั้งนี้ Our World in Data เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ฉีดวัคซีนให้ประชาชนไปแล้วอย่างต่ำ 165 ล้านโดสเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นชาติแรกที่สามารถฉีกวัคซีนได้แล้วเกิน 150 ล้านโดส ตามมาในอันดับที่ 2 คือประเทศจีน ที่ขณะนี้ฉีดวัคซีนไปแล้วอย่างน้อย 140 ล้านโดส 

ด้านตัวเลขจากศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ CDC ชี้ว่าขณะนี้ 75% ของประชาชนในสหรัฐฯ ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ได้รับวัคซีนไปแล้วอย่างน้อยคนละ 1 โดส ส่วน 55% ของประชากรกลุ่มนี้ได้รับวัคซีนครบแล้ว 2 โดส อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าเพิ่มสถานที่ฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการวัคซีนกับรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 17,000 แห่งเป็น 40,000 แห่งเรียบร้อยแล้ว และมีการเพิ่มจำนวนสถานที่ฉีดวัคซีนขนาดใหญ่ที่ถูกจัดการดูแลโดยรัฐบาลกลางโดยตรงเพิ่มอีก 12 แห่งในหลายมลรัฐทั่วประเทศ