ไม่พบผลการค้นหา
กระทรวงการคลัง ยันมีแหล่งเงินและเครื่องมือการกู้เงินเพียงพอในการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

จินดารัตน์ วิริยะทวีกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ในฐานะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะกล่าวว่า ในประเด็นการตั้งคำถามของ จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับแหล่งเงินกู้เพิ่มเติมเพื่อใช้ในการเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ นั้น ขอเรียนดังนี้

พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 (พ.ร.ก.กู้เงิน) กำหนดให้กระทรวงการคลังโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีอำนาจกู้เงินบาทหรือเงินตราต่างประเทศ โดยจะต้องลงนามในสัญญากู้เงินหรือออกตราสารหนี้ไม่เกินวันที่ 30 ก.ย. 2564 ในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์และสาธารณสุข การช่วยเหลือเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม โดย ณ วันที่ 6 พ.ค. 2564 ได้ดำเนินการจัดหาเงินกู้ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ ครม.อนุมัติแล้วจำนวน 703,841 ล้านบาท หรือคิดเป็น 92% ของกรอบวงเงินที่ ครม.มีมติอนุมัติ 

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะวางแผนและดำเนินการกู้เงินภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงิน อย่างรอบคอบโดยใช้กลยุทธ์การระดมทุนที่เป็นการกู้เงินในประเทศเป็นหลัก เพื่อให้ได้วงเงินกู้ที่ครบถ้วนภายใต้ต้นทุนที่เหมาะสม และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดการแย่งสภาพคล่องจากภาคเอกชน และส่งเสริมการพัฒนาตลาดราสารหนี้ในประเทศโดยใช้เครื่องมือทางการเงินที่ผสมผสานทั้งระยะสั้นและระยะยาว อาทิ ตั๋วเงินคลัง (Treasury Bill) ตั๋วสัญญาใช้เงิน(Promissory Note) สัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) พันธบัตรรัฐบาล (Loan Bond) และพันธบัตรออมทรัพย์ (Savings Bond) 

อีกทั้ง ได้คำนึงถึงแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้จากระยะสั้นเป็นระยะปานกลางและระยะยาว โดยใช้พันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ความต้องการของนักลงทุน และสภาวะตลาดการเงินในประเทศ

อย่างไรก็ดี หากในอนาคตรัฐบาลมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะจะวางแผนการกู้เงินอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงต้นทุน สภาวะตลาดการเงิน และจะพัฒนานวัตกรรมทางการเงินให้สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนและตลาดการเงิน โดยจะมุ่งเน้นตราสารทางการเงินที่ส่งเสริมการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นทางเลือกในการระดมทุนสำหรับโครงการที่สนับสนุนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

ดังนั้นจึงขอให้เชื่อมั่นว่าการบริหารหนี้สาธารณะได้มีการดำเนินการ อย่างรอบคอบ ครบถ้วน และถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ