นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 1/2563 ว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบอนุบัญญัติ 4 ฉบับ ในพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2562 เพื่อให้กลไกการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมสมบูรณ์ขึ้น ลดการเกิดโรค ลดความรุนแรง ลดความพิการ และลดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร โดย
ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า อนุบัญญัติทั้ง 4 ฉบับ ภายใต้กฎหมายฉบับนี้ จะทำให้กลไกการดำเนินงานภายใต้ พ.ร.บ.นี้ครบถ้วนมากขึ้น เพราะที่ประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 1 เมื่อเดือน ก.ย.2562 ได้กำหนดให้มีการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ 7 คน ภายใต้คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเมื่อ 5 มี.ค.2563
นอกจากนั้น ในระดับจังหวัด ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมจังหวัด/กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัด/ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นประธาน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด/ผู้อำนวยการสำนักอนามัย เป็นเลขานุการ โดยจัดตั้งแล้ว 74 จังหวัดทั่วประเทศ เมื่อมีการประกาศรายชื่อโรคและมีการแต่งตั้งหน่วยปฏิบัติการฯ จะสามารถเตรียมความพร้อมในการควบคุมโรคได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ สถิติการเจ็บป่วยด้วยโรคที่เกิดขึ้นตามลักษณะหรือสภาพของงานหรือเนื่องจากการทำงานของสำนักงานกองทุนเงินทดแทน พ.ศ.2557–2561 พบว่ามีจำนวนรวม 10,463 คน ที่พบบ่อย 5 ลำดับแรก คือ โรคระบบกล้ามเนื้อและโครงสร้างกระดูก โรคผิวหนังจากการทำงาน โรคจากสาเหตุทางกายภาพ โรคจากสารเคมี และโรคระบบทางเดินหายใจจากการทำงาน
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขสถิตินี้ยังมีจำนวนน้อยกว่าที่ควรเป็นเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรกลุ่มเสี่ยง ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค จึงได้ผลักดันมาตรการทางกฎหมาย เพื่อสร้างระบบตรวจจับโรคที่ทันเวลาและมีประสิทธิภาพ ผ่านพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.2562 เป็นต้นมา