โมเดอร์นา เปิดเผยเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ว่า ภายหลังการทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนต้านโควิด-19 ของโมเดอร์นากับกลุ่มประชากรที่มีอายุ 12-17 ปี พบว่า หลังการฉีดครบ 2 โดส วัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค 100% ขณะที่ประสิทธิภาพหลังการฉีดเข็มแรกสูงถึง 93% ทำให้ขณะนี้โมเดอร์นากลายเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายที่ 2 รองจาก ไฟเซอร์ไบโอเอ็นเทค ที่สามารถผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงในกลุ่มวัยรุ่น

ทางบริษัทชี้ว่ากำลังวางแผนที่จะยื่นขออนุมัติกับทางองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA เพื่ออนุมัติการใช้งานวัคซีนกับกลุ่มอายุ 12-17 ปี คาดว่าจะสามารถเริ่มใช้ได้ช่วงต้นเดือน มิ.ย. หากว่ามีการอนุมัติเกิดขึ้น ประชาชนในสหรัฐฯ ที่เป็นกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย จะสามารถเข้าถึงการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญก่อนก่อนเปิดภาคการศึกษาในช่วงเดือน ส.ค.และ ก.ย.นี้ โดยเยาวชนในสหรัฐฯ คิดเป็น 20% ของประชากรราว 331 ล้านคน

สเตเฟน แบนเซล ซีอีโอของบริษัทโมเดอร์นาชี้ว่า "เรารู้สึกมีกำลังใจอย่างมากที่วัคซีน mRNA-1273 มีประสิทธิภาพสูงมากในการป้องกันโควิด-19 ในกลุ่มประชากรที่อายุยังน้อย เราจะยึดมั่นในการทำงานในส่วนของเราเพื่อยุติโรคระบาดโควิด-19"

ในการศึกษาเฟส 2/3 ของโมเดอร์นา ทางบริษัทชีว่าได้ทำการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นวัยรุ่น 3,700 คน และพบว่าหลังการรับวัคซีนครบ 2 โดย ซึ่งให้ห่างกัน 4 สัปดาห์นั้น ไม่มีการติดเชื้อเกิดขึ้นในกลุ่มตัวอย่างแม้แต่คนเดียว ขณะที่ในกลุ่มที่ได้รับการฉีด 'ยาหลอก' หรือ Placebo นั้น พบผู้ติดเชื้อ 4 คน

นอกจากนี้ยังพบว่า ไม่พบความกังวลด้านความปลอดภัยที่มีนัยสำคัญอะไร ลักษณะของอาการข้างเคียงนั้นใกล้เคียงกับการทดสอบในกลุ่มวัยผู้ใหญ่ อาการข้างเคียงที่พบบ่อยหลังการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 คือ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ และ อาการหนาวสั่น เป็นต้น