ไม่พบผลการค้นหา
"เมืองหลวงตกอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างสิ้นเชิง"

กลุ่มผู้ประท้วงในแคนาดาที่ใช้ชื่อว่าขบวนการเสรีภาพ หรือ "Freedom Convoy" รวมตัวกันชุมนุมประท้วงรัฐบาลต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ 10 โดยพวกเขาออกมาแสดงความต่อต้านมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่บังคับให้ 'ผู้ขับรถบรรทุกข้ามพรมแดนแคนาดา-สหรัฐฯ ทุกคนต้องฉีดวัคซีนต้านโควิด-19' 

มาตรการเด็ดขาดนี้สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับบรรดาผู้ขับรถบรรทุก ซึ่งล่าสุดได้ลามไปถึงคนขับรถแทร็กเตอร์ และผู้ใช้รถยนต์จำนวนมากที่นำยานพาหนะของตัวเองออกมาร่วมจอดประท้วงและกางเต็นท์ใจกลางกรุงออตตาวาของแคนาดาใกล้กับบริเวณสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศอย่างเนินรัฐสภา (Parliment Hill) ส่งผลให้ผู้คนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ และทำให้การจราจรเป็นอัมพาต

ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียด ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมจากเดิมที่โฟกัสที่ประเด็นการบังคับผู้ขับรถบรรทุกฉีดวัคซีน บัดนี้ได้ลามไปถึงการเรียกร้องให้รัฐบาลแคนาดายกเลิกข้อบังคับการฉีดวัคซีนของประชาชนคนทั่วไปทั้งหมดอีกด้วย ซึ่งความโหลาหลที่เกิดขึ้นทำให้ จิม วัตสัน นายกเทศมนตรีออตตาวายอมรับว่า "เมืองหลวงตกอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างสิ้นเชิง" นำไปสู่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในที่สุด

วัตสัตให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่นว่าขณะนี้ผู้ประท้วงมีจำนวนมากกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานการณ์เกินจะควบคุม มีพฤติกรรมที่เป็นภัยคุกคามต่อประชาชนคนทั่วไป มีการบีบแตร เปิดไซเรน และจุดพลุจนกลายเป็นเหมือนงานปาร์ตี้ และมีรายงานเหตุการทำร้ายผู้อื่นเนื่องมาจากสาเหตุแห่งเชื้อชาติ

โดยพื้นฐานแล้วการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะมอบอำนาจเพิ่มเติมให้กับหน่วยงานของภาครัฐ แต่วัตสันไม่ได้แถลงถึงรายละเอียดว่าทางการจะเริ่มใช้มาตรการรุนแรงใดบ้าง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่าอาจเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยและอาจจับกุมผู้สนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงที่ทำการส่งความช่วยเหลือ เช่น อาหารเครื่องดื่ม เชื้อเพลิง กระดาษชำระ เป็นต้น