สืบเนื่องจากเมื่อ 14 ต.ค.2564 ที่นักศึกษาสาขาวิชาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) กว่า 50 คน รวมตัวยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ นพ.นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถึงกรณีที่กรรมการบริหารคณะพยายามตรวจสอบและเซ็นเซอร์ผลงานศิลปะของนักศึกษาซึ่งจะจัดขึ้นที่หอศิลปวัฒนธรรม มช. และได้เดินทางไปลงความบันทึกประจำวันเมื่อวันที่ 15 ต.ค ที่ สภ.ภูพิงค์ เพื่อดำเนินคดีหากเกิดกรณีละเลยการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารคณะวิจิตรศิลป์และผู้บริหารมช.

ล่าสุดช่วงบ่ายวันนี้ (16 ต.ค. 64) เฟซบุ๊กเพจ ‘We, The People’ เผยแพร่ภาพสดโดยมีภาพ นักศึกษาและอาจารย์ใช้คีมตัดโซ่คล้องประตูหน้าหอศิลป์ฯ เพื่อเข้าไปเตรียมการจัดแสดงงานศิลปะที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 18 ต.ค. ที่จะถึงนี้ โดยมีนักวิชาการหลายคนร่วมอยู่ในเหตุการณ์ เช่น ทัศนัย เศรษฐเสรี คณะวิจิรศิลป์ มช.นิธิ เอียวศรีวงศ์ สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาสตร์ มช. ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี คณะสังคมศาสตร์ มช. ฯลฯ

ข้อความกำกับวิดีโอระบุว่า 

“สืบเนื่องจากกรณีผู้บริหารคณะวิจิตรศิลป์เข้ามาก้าวก่ายการแสดงศิลปะเพื่อการสอบของนักศึกษา โดยขัดขวางไม่ให้นักศึกษาใช้หอศิลป์แสดงงานดังที่เคยทำกันทุกปี โดยอ้างว่างานศิลปะของนักศึกษามีเนื้อหาทางการเมือง ถึงขนาดตัดน้ำตัดไฟตึกมีเดียอาร์ตเมื่อคืน และวันนี้ล็อคประตูรั้วทั้งหมด ขังนักศึกษาไว้ข้างในราว 50 คน อาจารย์และนักศึกษาจึงช่วยกันตัดโซ่คล้องประตูเพื่อเปิดหอศิลป์ให้นักศึกษาเข้าไปจัดแสดง”

• ขอบคุณภาพจาก: ประชาคมมอชอ - Community of MorChor

เปิดใจ 'เป้' นักศึกษาวิจิตรศิลป์

อภิสิทธิ์ วะลับ หรือ ‘เป้’ นักศึกษาวิจิตรศิลป์ สาขาสื่อศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชั้นปี 4 ให้สัมภาษณ์กับ ‘วอยซ์’ ว่า การจัดแสดงงานศิลปะดังกล่าวจะถูกจัดขึ้นทุกปีในสาขาของตน โดยแต่ละปีจะต้องส่งโปรเจคคร่าวๆ ให้กับทางมหาวิทยาลัย แต่ปีนี้ทางมหาวิทยาลัยได้ขอตรวจดูรายละเอียดชิ้นงานโดยละเอียด และแจ้งว่ามีชิ้นงานที่ไม่ผ่านจำนวน 4-5 ชิ้น เนื่องจากมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเมือง และจะแจ้งผลการอนุญาตใช้หอศิลป์ในการจัดแสดงงานศิลปะภายหลัง ซึ่งทางตนและเพื่อนมีความกังวลว่าจะไม่มีเวลาเตรียมงาน เนื่องจากจะต้องจัดงานแสดงในวันที่ 18 ต.ค. 64 รวมถึงได้ติดต่อว่าจ้างช่างที่ต้องมาติดตั้งงานไปแล้ว

อภิสิทธิ์ยังกล่าวต่ออีกว่า งานแสดงศิลปะดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของธีสิสจบของตนและเพื่อนในสาขา ซึ่งมีการค้นหาข้อมูลทางวิชาการต่างๆ อย่างดี และผ่านความเห็นของอาจารย์ที่ปรึกษามาก่อนแล้ว ซึ่งรายละเอียดงานศิลปะเป็นเพียงการตั้งคำถามถึงสังคมการเมืองเพียงเท่านั้น ตนรู้สึกเศร้าใจมากที่คณะวิจิตรศิลป์ปิดกั้นการจัดงานศิลปะของนักศึกษา อีกทั้งยังเมินเฉยไม่รับฟังความคิดเห็น ทั้งๆ ที่ตนได้ใช้หลักการและเหตุผลในการชี้แจงกรณีดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ทางมหาวิทยาลัยก็เคยปิดกั้นงานศิลปะมาหลายครั้งแล้ว และการกระทำของผู้บริหารเป็นเหมือนการดูถูกงานวิชาการตัวเองและผู้อื่น ซึ่งตนอยากให้เคารพผลงานของกันและกันแม้จะมีความคิดเห็นทางการเมืองที่ต่างกันก็ตาม

“เรารู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำ กำลังดูถูกเรา ดูถูกวิชาความรู้ที่เราสั่งสมมา ดูถูกวิชาความรู้ที่อาจารย์เป็นคนสอนเราถึงสิทธิ เสรีภาพในการพูด สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก”

“เหมือนเราเรียนมาเพื่อที่จะใช้มัน แต่คุณไม่ให้พื้นที่ที่ให้เราใช้มัน เราจึงจำเป็นต้องประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิของเรา เพราะมหาลัยคือพื้นที่ของวิชาการ เป็นพื้นที่บ่มเพาะความรู้ให้กับนักศึกษา พื้นที่มหาลัยเป็นพื้นที่ปลอดภัยของนักศึกษา...อยากให้มหาลัยเล็งเห็นถึงความสำคัญสิ่งนี้มากขึ้น และทำความเข้าใจมากกว่านี้” อภิสิทธิ์กล่าว

อย่างไรก็ตามกลุ่มนักศึกษาสาขาวิชาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ คณะวิจิตรศิลป์ ได้ยื่น 4 ข้อเรียกร้องต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดังนี้

1. ขอใช้พื้นที่ตามเวลาที่จับจองไว้ 

2. จะไม่มีการปรับแก้งานที่ทางคณะบอกว่าเกี่ยวข้องกับการเมือง 

3. ให้มหาวิทยาลัยพิจารณาเปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหารคณะวิจิตรศิลป์ชุดนี้ 

4.ให้มหาวิทยาลัยออกมารับรองว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

• ภายบรรยากาศในหอศิลป์ หลังจากที่นักศึกษา-อาจารย์ ตัดโซ่หน้าประตูหอศิลป์