พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ ภายหลังประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1 เดือน ว่าทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ว่าขณะนี้เกิดอะไรขึ้นกับประเทศบ้างในเวลานี้ ยืนยัน รัฐบาลมีความจำเป็นประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยมีความมุ่งหมาย เพราะสถานการณ์มีความรุนแรง ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งได้มีการใช้กฎหมายปกติ รัฐบาลเองก็มุ่งหวังให้บ้านเมืองมีเสถียรภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 และที่ผ่านมาสถานการณ์ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่เมื่อมีสถานการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น จึงมีความจำเป็นต้องประกาศใช้ และย้ำว่าจะใช้ให้สั้นที่สุด เพียง 30 วันเท่านั้น หรือน้อยกว่านั้น หากสถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังทำร้ายใคร ซึ่งที่ผ่านมีใครถูกทำร้ายบ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่เป็นผู้ถูกกระทำทั้งสิ้น และมีเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นและพูดถึง ดังนั้นขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบสุข และสร้างความมีเสถียรภาพกันได้หรือไม่ สิ่งสำคัญที่สุดตนเป็นห่วงผู้บริสุทธิ์ทั้งหมด ส่วนใครจะบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ก็รู้กันอยู่
ขณะเดียวกันตนได้ให้แนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงขอให้ทุกคนระมัดระวังในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายด้วย อีกทั้ง พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะไม่ได้มีการบังคับใช้แล้วในขณะนี้ เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมีอำนาจทุกอย่าง จึงขอทุกคนอย่าทำผิดกฎหมายเท่านั้นเอง ซึ่งทุกประเทศเขาอยู่กันได้ด้วยกฎหมาย หากอ้างว่ารัฐบาลไปละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่รัฐบาลจำเป็นต้องรักษาคนส่วนใหญ่เอาไว้ให้ได้
“จะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ ทำอย่างเต็มที่ไม่มีการใช้กำลัง มีแต่ถูกใช้กำลังทั้งสิ้น การขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ เราจะอยู่กันแบบนี้หรือ ถ้าไม่ช่วยกันและให้รัฐบาลทำอย่างเดียว มันจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น ทั้งเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ ตราบใดที่คนไทยยังไม่มีน้ำใจเป็นหนึ่งเดียว ในเรื่องทางการเมือง เรื่องสภาหรืออะไรต่างๆ ก็เดินไปตามขั้นตอน ก็ไปว่ากันตรงโน่น ขณะที่แก้ไขรัฐธรรมนูญรัฐบาลก็มีการสนับสนุนให้แก้ไขอยู่แล้ว วันนี้ขอเตือนทุกคนที่กระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการใช้โซเซียลมีเดีย บิดเบือน หรือโฆษณา ให้ระมัดระวังกันด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง การประกาศเคอร์ฟิวว่าจะมีหรือไม่ ซึ่งเรื่อง มีกำหนดอยู่ แต่ยังไม่ประกาศหากสถานการณ์ลุกลามบานปลายก็ต้องทำ หากสถานการณ์บานปลายจะมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ควรจะไปถึงตรงนั้น
ทั้งนี้ มองถึงสถานการณ์การทำรัฐประหาร มีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบสื่อกลับว่า สื่อพูดซ้ำซากเรื่องรัฐประหาร ปฏิวัติ เมื่อถามย้ำว่าเหตุการณ์มีความแหลมคมเช่นนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อคิดแหลมคมไปเองหรือเปล่า ตนไม่รู้เหมือนกัน ตนยังไม่คิดไปถึงตรงนั้น ใครจะทำ ให้ไปหามา
ส่วนกระแสข่าวการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้อีกไกล และทางออกเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรนั้น ใครที่ทำผิดกกฎหมายก็ว่าไป เรื่องของสภา ก็หาหรือกันไปในสภา ในคณะกรรมาธิการก็ให้หารือกันไป หากจะมาบังคับกัน ถูกต้องหรือไม่ เป็นประชาธิปไตยกันหรือเปล่าวันนี้
ส่วนการนำกลุ่มคนจำนวนมากมากดดันเจ้าหน้าที่ จะเกิดภาพการปะทะกันหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วใครเป็นคนทำ พร้อมย้ำว่า ยังไม่มีแนวคิดที่จะขยายประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะขยายไปยังพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งเรื่องนี้สื่อก็ถามชี้นำไปเรื่อยๆ ขอให้เอาทีละขั้นตอน
สำหรับพรรคร่วมรัฐบาลได้เสนอแนวทางแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เห็นชอบในการใช้กฎหมาย รวมทั้งเดินหน้าในเรื่องโควิด-19 และเรื่องเศรษฐกิจ โดยจะช่วยกันทำความเข้าใจกับประชาชนในวงกว้าง เพื่อให้ประชาชนทราบถึงการทำงานของรัฐบาล เพราะคนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดและปัญหาเศรษฐกิจ โดยพวกเขารอ การช่วยเหลือจากรัฐบาล ถ้าทำไม่ได้ พวกเขาจะเดือดร้อนหรือไม่ ซึ่งคนส่วนใหญ่เดือดร้อน
ส่วนข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมที่ให้มีการปล่อยตัวแกนนำ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตัวแกนนำทำผิดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวยังได้ถามย้ำว่า ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วจะไม่เกิดขึ้นอีกใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว คนที่คิดจะทำฝ่าฝืนกฎหมายควรจะทำหรือไม่หรือ สื่อก็ต้องช่วยกัน ไม่ใช่นำเสนอข่าวทำให้เกิดผลกระทบซึ่งกันและกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่โดนทำร้ายและโดนกระทำทั้งหมด ไม่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กันเลย แล้วใครจะมีกำลังใจทำงานให้ อยากได้แต่ไม่ทำอะไรก็ลำบาก
ส่วนการเคลื่อนไหวและการสนับสนุนจากต่างประเทศหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ติดตามอยู่ และยดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ ได้ชี้แจงแล้วว่าไม่มีผลกระทบกับต่างประเทศ เพราะได้ดำเนินการชี้แจงมาโดยตลอด ถึงเหตุผลความจำเป็น ซึ่งจะต้องชี้แจงอีก ประกอบกับข้อเท็จจริง ถึงกระบวนการของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเบาที่สุดแล้ว หากนำไปเปรียบเทียบกับต่างประเทศก็จะเห็น ปล่อยให้ละเมิดกฎหมายประเทศชาติก็อยู่ไม่ได้ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เพื่อตนเอง แต่เพื่อประเทศชาติ ประชาชน
ส่วนการเปิดวิธีรับฟังความคิดเห็นของรัฐบาลที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้ให้คนไปเปิดเวที และได้เก็บข้อมูลมา แต่ท้ายที่สุดแล้วก็อยู่ที่เดียวกัน โดยตนบอกว่าทุกอย่างก็ต้องนำเข้าสู่กระบวนการ พร้อมย้ำถึงความจริงใจของตนเอง แล้วเขาจริงใจกับตนหรือไม่ โดยตอนเป็นนายกรัฐมนตรีที่ฟังมากที่สุดแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังยืนยัน ว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งยังฝากไปยังคนไทยทุกคนในประเทศ ให้สนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหานี้ พร้อมฝากไปยังผู้ปกครองให้ดูแลนิสิต นักศึกษา เพราะไม่อยากให้มีผลกระทบกับอะไรทั้งสิ้น ซึ่งจะเป็นอันตราย เนื่องจากไม่รู้วัตถุประสงค์ของผู้อยู่เบื้องหลัง ว่าต้องการอะไร แต่เรื่องนี้ก็พอทราบกันอยู่ เพราะไม่ได้เปิดตัวออกมา ดังนั้นจึงอยากให้ระมัดระวัง ไม่อยากให้ตกไปอยู่ในกลุ่มของผู้ต้องสงสัย
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการตั้งข้อสังเกตว่า การชุมนุมครั้งนี้ใช้รูปแบบฮ่องกงโมเดลนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ถามสื่อกลับว่า ขณะนี้ฮ่องกงโมเดลเป็นอย่างไร ซึ่งเสียหายทั้งธุรกิจ ทำให้พังพินาศไปทั้งหมด รวมถึงคนที่มาชุมนุมเป็นอย่างไรบ้าง ฮ่องกงเขาเป็นสังคมนิยมประชาธิปไตย เราเป็นประชาธิปไตย ทำได้แค่ไหนก็ต้องทำให้ดีที่สุด ซึ่งทั้งหมดอยู่ด้วยความร่วมมือของเราทั้งหมด โดยด้วยความร่วมมือของพวกเรา พร้อมถามย้ำว่า ที่นั่งกันอยู่เป็นคนไทยหรือไม่ และประเทศไทยเป็นของท่านหรือไม่ หรือว่าเป็นของนายกฯ คนเดียว มันไม่ใช่หรอก
ส่วนจะมั่นใจหรือไม่ว่า จะทำให้ประเทศสงบเหมือนกับที่เคยประกาศไว้ว่า จะเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อยนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไม่สงบเพราะอะไร เพราะใคร และสิ่งที่รัฐบาลทำมาตลอด หลายปีที่ผ่านมา ทำอะไรไปแล้วบ้าง ตนทำความผิดอะไร ตอนนี้ขอถามหน่อย
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังถามสื่อมวลชน ว่า เคยฟังพระสวดพระอภิธรรมบทกันบ้างหรือไม่ แล้วเคยเข้าวัดบ้างหรือไม่
เมื่อถามว่า ระหว่างสวดมนต์กับแผ่เมตตา ในตอนนี้อะไรดีกว่ากัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ทำทุกอย่าง ตนอโหสิกรรมให้กับทุกคน และไม่เคยให้ร้ายกับใคร แต่ก็อย่าประมาทชีวิต เราพร้อมจะตายทุกโอกาสเรากำหนดไม่ได้ อย่าประมาท ไม่ตายวันนี้เรามีโอกาสตายทั้งหมด พร้อมตายในทุกวัน
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ขอร้องไม่อยากให้ใครถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งสิ้น ไม่อยากให้ทำ รักแผ่นดิน เกิดของท่านให้มากขึ้น ก็เท่านั้นเอง