วันที่ 31 พ.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเรื่องด่วน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท โดยช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ใช้สิทธิลุกขึ้นชี้แจงกรณีถูกอภิปรายพาดพิงว่างบลงทุนปี 2566 น้อยไม่เพียงต่อการพัฒนาประเทศ ว่า งบฯปี 66 ตั้งมาทั้งหมด 3.18 ล้านล้านบาท ประกอบด้วยรายจ่ายลงทุน 695,077.4 ล้าน ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย โดยยืนยันว่าภารรัฐมีการลงทุนแบบอื่นอีก เช่น เงินกู้ การร่วมลงทุนกับภาคเอกชน และเมื่อรวมรายจ่ายลงทุนกับเม็ดเงินงบประมาณจะเห็นได้ว่ารัฐมีเงินเพื่อใช้ลงทุน 794,006 ล้าน 

ส่วนรายได้จากเงินนอกงบประมาณ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า มีอยู่ในเอกสารก็มีการแจ้ง ดังนั้นกรุณาอ่านให้ครบด้วย ซึ่งฝ่ายค้านอ่านดูซะบ้างา ถ้าหากพูดเปล่าก็ฟังดูดี

ส่วนการพัฒนาด้านการเกษตร พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าก่อนที่จะพูดตนอดไม่ได้ ซึ่งงบประมาณด้านการเกษตรส่วนใหญ่ เป็นงบในอดีตซึ่งไม่ใช่อนาคต ทั้งนี้ ตนขอย้อนนกลับไปว่าสิ่งที่ทำวันนี้ทำเพื่ออนาคต ที่นอกเหนือไปจากการประกันราคาข้าว ซึ่งเป็นการประกันสินค้าเกษตร 6 ชนิดเพื่อให้เกษตรกรแข็งแรง ซึ่งตนก็ยินดี และที่ผ่านมาเป็นนโยบายรัฐบาลอยู่แล้วในการประกันราคา 

พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยกตัวอย่างว่า วันนี้ประกันราคาพืช 6 ชนิด แต่ที่หนักสุดคือข้าว ซึ่งจะทำยังไงไม่ต้องประกันเพิ่มอีก คือต้องสร้างความเข้มแข็ง ซึ่งการให้เงินก็ดีแต่เป็นการชั่วคราวแต่ภาระมันจะมากขึ้นเรื่อยๆ และถ้าพูดเรื่องข้าว หากท่านพูดว่างบประมาณ วันนี้เป็นงบประมาณในอดีตไม่ใช่อนาคต

"ผมก็เรียนอีกครั้งเหมือนกัน ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา โครงการจำนำข้าวขาดทุน 957,000 ล้านบาท รัฐบาลนี้แหละครับ ตั้งงบประมาณชำระหนี้ไปแล้ว 781,000 ล้านบาท คงเหลือเงินต้นและดอกเบี้ยอีก 3 แสนล้าน เงินตัวนี้ถ้าอยู่ทำอะไรได้อีกเยอะ และก็ขอใครทำไว้ ไม่อยากจะพูด ไม่อยากจะย้อนกลับหรอก"

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า การแก้ปัญหาและพัฒนาทำทุกวัน ทำทุกอันแต่ไม่ถูกพูดถึงเลย ก็พูดซ้ำเดิมอยู่ไม่สนใจสิ่งใหม่ๆที่รัฐบาลทำ พร้อมขอให้คิดใหม่ซะบ้าง

ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นชี้แจงเสร็จได้ลุกออกจากห้องประชุมสภาฯ เพื่อไปปฏิบัติภารกิจต่อที่ทำเนียบรัฐบาลทันที

'สุชาติ' โต้รัฐบาลไม่หนุนเอสเอ็มอี เผยกู้มาอุดหนุนคนงานหัวละ 3,000 บ.

ด้าน สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชี้แจง ในประเด็นที่นิคม บุญวิเศษ ส.ส.พรรคพลังปวงชนไทย พาดพิงตน เกี่ยวกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอีว่ารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญ 

สุชาติ ชี้แจงว่า เอสเอ็มอีเป็นภาคธุรกิจที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาก ในช่วงสถานการณ์วิกฤต SME เป็นภาคส่วนที่อ่อนไหวมากที่สุด มีการออกจากงาน โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้แก้ปัญหา

สุชาติ กล่าวต่อว่า ตนได้ของบประมาณเงินกู้ส่วนหนึ่งเข้ามาช่วยธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นระยะเวลา 3 เดือน เช่น อุดหนุนลูกจ้างรายละ 3,000 บาท เพื่อประคับประคองเอสเอ็มอี ให้ดำรงอยู่ได้ และเพื่อรักษาการจ้างงาน ประชาชนทางบ้านที่ได้รับฟัง หรือสมาคม เอสเอ็มอีหรือสภาองค์การนายจ้าง ก็ทราบเรื่องนี้หมด แต่ ส.ส. นิคม อาจจะไม่ทราบ 

“ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่เราดูแลเอสเอ็มอี แทนที่จะรักษาการจ้างงานไว้ที่ 5 ล้านคน กลับมีการจ้างงานเพิ่ม อีก 5.7 หมื่นกว่าคน ถ้าเอสเอ็มอี อยู่ไม่ได้การเก็บภาษีต่างๆก็ไม่เป็นไปตามเป้า แต่ในช่วงวิกฤตเราก็ต้องนำเงินไปประคับประคองให้ทุกธุรกิจอยู่รอด”

สุชาติ ระบุด้วยว่า สถานการณ์ไตรมาสแรกนับแต่เปิดประเทศมา ในปี 2565 คนเข้าสู่งานมากกว่าออก 3.3 หมื่นกว่าราย ซึ่งเป็นผลพวงของการประคับประคองธุรกิจ SME พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับธุรกิจเอสเอ็มอีในฐานะที่เป็นเส้นเลือดหนึ่งของประเทศไทย

'ประยุทธ์'ติงสื่อใช้คำพูดตอกกลับฝ่ายค้าน ยินดี 'ชัชชาติ'เป็นผู้ว่าฯ กทม.ทางการ

เวลา 15.20 น. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ระบุถึงการร่วมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ขณะเดินทางออกจากรัฐสภา เพื่อไปทำเนียบฯ ว่า วันนี้ยังไม่ได้ชี้แจงเท่าไหร่เลย เดี๋ยวรัฐมนตรีต้องชี้แจง ซึ่งนายกฯก็พูดแต่หลักการกว้างๆออกไป 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้เห็นนายกฯ ตอกกลับฝ่ายค้านหลายครั้งเป็นไงบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ไม่ได้ตอกกลับ อธิบายกลับ พร้อมบอกผู้สื่อข่าวว่า ใช้คำพูดให้มันดีๆหน่อย

เมื่อถามต่อกรณี กกต.ประกาศรับรอง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นผู้ว่าฯ กทม. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยินดีด้วย จะได้ทำงาน 

เมื่อถามย้ำว่า จะฝากบอกอะไรถึง ชัชชาติ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องมาคุยกับนายกฯ ก่อนอะนะ เขาต้องมาอยู่แล้ว

ทั้งนี้ช่วงเย็น นายกฯ มีกำหนดการร่วมประชุมสามัญคณะกรรมการมูลนิธิสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ประจำปี พ.ศ. 2565 ผ่านระบบ Video Conference ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล