ไม่พบผลการค้นหา
“ความผิดฐานเผยแพร่ข้อมูลที่อาจเป็นอันตรายต่อกองทัพ เข้าร่วมและสนับสนุนประชาชนให้ต่อต้านรัฐบาลทหาร และละเมิดกฎหมายคนเข้าเมือง”

แดนนี เฟนสเตอร์ นักข่าวชาวอเมริกัน ถูกคุมขังในประเทศเมียนมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 พ.ย.64) ศาลเมียนมาตัดสินว่าเขามีความผิด 3 ข้อหา และตัดสินจำคุกเขา 11 ปี ทนายความของเฟนสเตอร์กล่าวว่า นี่คือโทษที่หนักที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

การพิจารณาคดีนี้เป็นไปแบบปิดในเมืองย่างกุ้ง เฟนสเตอร์ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานเผยแพร่ข้อมูลที่อาจเป็นอันตรายต่อกองทัพ และฐานเข้าร่วมและสนับสนุนประชาชนให้ต่อต้านรัฐบาลทหาร โดยได้รับโทษจำคุกสูงสุด 3 ปีต่อข้อกล่าวหา นอกจากนี้ เขายังถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานละเมิดกฎหมายคนเข้าเมืองของเมียนมา ซึ่งได้รับโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี รวมเป็น 11 ปี

“เขาบอกว่า เขาไม่เคยคิดว่าจะต้องติดคุก 11 ปีในชีวิตของเขา”

อู ธัน ซอ ออง ทนายความของเฟนสเตอร์ เล่าว่า เฟนสเตอร์ในวัย 37 ปี น้ำตาไหลเมื่อได้ยินคำพิพากษาของศาล ข้อกล่าวหามาจากการรายงานข่าวของสำนักข่าว เมียนมา นาว (Myanmar Now) ที่ต่อต้านรัฐประหารและการใช้ความรุนแรงของกองทัพ อัยการยืนยันว่า เฟนสเตอร์ยังคงทำงานอยู่ที่นั่น แม้ว่าเขาจะออกจากสำนักข่าวตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันเขาเป็นบรรณาธิการบริหารของนิตยสาร Frontier Myanmar

หลังรับทราบคำพิพากษา เฟนสเตอร์กล่าวว่า เขาจะไม่อุทธรณ์คำตัดสิน เพราะ “คำสั่งมาจากเบื้องบน มันคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าเขาจะอุทธรณ์หรือไม่ก็ตาม”

เท่าที่มีข้อมูล เฟนสเตอร์เป็นชาวอเมริกันเพียงคนเดียวที่ถูกควบคุมตัวในเมียนมา โดยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ที่ท่าอากาศยานนานาชาติย่างกุ้ง ขณะกำลังเตรียมขึ้นเครื่องบินออกนอกประเทศ เขาถูกคุมขังที่เรือนจำอินเส่งซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องการปฏิบัติรุนแรงต่อนักโทษการเมือง สมาชิกในครอบครัวของเขากล่าวว่า พวกเขาเชื่อว่าเฟนสเตอร์ติดเชื้อโควิด-19 ขณะอยู่ในเรือนจำ


หรือรัฐบาลทหารเมียนมากำลังส่งสัญญาณถึงโลกว่า 'ไม่แคร์' ?

สำนักข่าวเดอะนิวยอร์กไทมส์ชี้ว่า คำพิพากษาครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณล่าสุดที่ยืนยันว่า กองทัพทหารของเมียนมา ซึ่งเข้ายึดอำนาจตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับแรงกดดันของประชาคมโลก รวมถึงการคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ

“การลงโทษนักข่าวด้วยโทษจำคุกที่ยาวนานเป็นความบิดเบี้ยวของความยุติธรรมโดยศาลเถื่อนที่ปฏิบัติการตามคำสั่งของรัฐบาลเผด็จการทหารเมียนมา แดนนี เฟนสเตอร์ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นอาชญากรรม”

ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียขององค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวว่า การพิจารณาคดีมีขึ้นเพื่อข่มขู่นักข่าวคนอื่นๆ ที่ทำงานในเมียนมา และเพื่อส่งข้อความไปยังสหรัฐฯ ว่านายพลเมียนมา “ไม่รู้สึกซาบซึ้งกับการถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ และสามารถตอบโต้ด้วยการทูตแบบตัวประกันได้”

หลังจากนี้ เฟนสเตอร์อาจต้องถูกจำคุกนานขึ้น เนื่องจากในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการยื่นฟ้องเขาเพิ่มเติมอีก 2 ข้อหา คือ ก่อการร้ายและปลุกระดม โดยแต่ละข้อหามีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี

ตั้งแต่เข้ายึดอำนาจ กองทัพเมียนมาได้จัดการปราบปรามผู้เห็นต่างอย่างรุนแรงมาอย่างต่อเนื่อง โดยคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 1,250 คน จับขังและควบคุมตัวมากกว่า 7,000 คน อย่างน้อย 126 คนเป็นนักข่าว

มิเชล บาเชเลต์ ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ประณามความรุนแรงของโทษที่เฟนสเตอร์ได้รับ พร้อมเรียกร้องให้ทางการทหารเมียนมาปล่อยนักข่าวทุกคนที่ถูกคุมขังจากการทำงานของพวกเขาทันที



ที่มา:

https://www.nytimes.com/2021/11/12/world/asia/myanmar-danny-fenster.html