ไม่พบผลการค้นหา
"รยุศด์" ชี้ ข้อเรียกร้องผู้ชุมนุมมาไกลเกินกว่าคำว่า “ยุบสภา” และ "เผด็จการ" แต่คืออนาคตปากท้อง และเกียรติภูมิประเทศ แนะ "พล.อ.ประยุทธ์" ตั้ง ครม.อย่าเกรงใจพรรคร่วม ขีดเส้นใต้ที่ประชาชนและประเทศชาติ

นายรยุศด์ บุญทัน ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสามัคคีไทย กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศกำลังเผชิญกับมรสุมรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ อันเป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19 และการบริหารของรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิถาพ รวมถึงปัญหาการเมืองที่พรรคร่วมรัฐบาลต่างกำลังสาละวนกับโควตารัฐมนตรีที่ยังแบ่งผลประโยชน์กันไม่ลงตัว มากไปกว่านั้นคือการชุมนุมของประชาชน และคนรุ่นใหม่ ที่วันนี้ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลที่มาไกลและมีความหมายเกินกว่าแค่คำว่า “ยุบสภา” หรือ “ขับไล่เผด็จการ” แต่มันคืออนาคต ปากท้อง และเกียรติภูมิของประชาชนคนไทยทุกคนที่ถูกย่ำยีความรู้สึกมาตลอด สถานการณ์ขณะนี้จึงถือเป็นวิกฤตศรัทธาสูงสุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่มีต่อสถาบันการเมือง รวมไปถึงระบบกระบวนการยุติธรรมของประเทศที่กำลังถูกตั้งคำถามจากสังคมอย่างมาก

นายรยุศด์ กล่าวต่อว่า แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีอีกกี่ครั้งกี่หน ก็ช่วยอะไรไม่ได้ คงไปต่อยาก หากยังใช้มิติทางการเมืองมาบริหารประเทศ ยังเกรงใจพรรคร่วมรัฐบาล และขั้วการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ เพราะวันนี้เรากำลังอยู่ในสภาวะวิกฤตในทุกด้าน นายกรัฐมนตรีกล้าพอไหม ที่จะต้องใช้ความเด็ดขาด ต้องใช้ภาวะความเป็นผู้นำอย่างสูง ท่านต้องขีดเส้นใต้ที่ประชาชนและประเทศชาติ

ดังนั้นอย่าเอาคนไม่ดีคนไม่มีผลงาน หรือคนที่มีภาพลักษณ์ที่สังคมกังขามาอยู่ใน ครม.ไม่เพียงตัวพล.อ.ประยุทธ์เองจะพัง ประเทศจะพังไปต่อไม่ได้ ในช่วงวิกฤตแบบนี้ เราต้องการคนที่เก่งจริง รู้จริง และเป็นคนดีสังคมยอมรับมาปกครอง ท่านอย่าทำร้าย ย่ำยี ดูถูกหัวใจ และความรู้สึกของประชาชาชนอีกเลย ไม่งั้น ท่านคงจะได้เห็นม็อบ ผู้ชุมนุม หรือแม้แต่ผู้ที่เคยสนับสนุนท่าน ออกมากันเนืองแน่น ถนนทุกสายคงมุ่งตรงสู่ทำเนียบรัฐบาล ถึงเวลานั้น ท่านคงรับมือไม่ได้แน่นอน ประเทศชาติคงเสียหาย ดังนั้น ครม.ที่จะเกิดขึ้นจากนี้ ต้องเป็นความหวังให้กับประเทศให้ได้ จึงถือเป็นบทพิสูจน์ภาวะความเป็นผู้นำครั้งสุดท้ายของท่าน

นายรยุศด์ กล่าวว่า แม้จะมีความเห็นต่างทางการเมืองกับ พล.อ.ประยุทธ์ และสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มคนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นในครั้งนี้ก็ตาม แต่ตนก็เชื่อว่าทุกคนต่างก็หวังดีกับบ้านเมือง ดังนั้นย่อมจะมีทางออก เพราะมันคือทางออกของประเทศ ไม่ใช่ทางออกของใคร หรือแม้แต่เป็นทางออกของพลเอกประยุทธ์เอง ดังนั้นนอกจากการปรับ ครม.แล้ว ตนขอเสนอให้รัฐบาลประกาศไทม์ไลน์ กำหนดระยะเวลาในการบริหารประเทศให้ชัดเจนก่อนยุบสภา พร้อมแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเป็นรูปธรรมภายใต้การมีส่วนร่วมที่หลากหลายของทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง