ไม่พบผลการค้นหา
ที่ประชุมสภาเห็นชอบตั้ง กมธ.ตรวจสอบการใช้เงินกู้ 1 ล้านล้าน แก้วิกฤตโควิด-19 ขณะที่หัวหน้าพรรคก้าวไกล แนะยกเครื่องประเทศไทยใช้เงินกู้ ลงทุนไปสู่อนาคต ชี้ประเทศไทยไปรอดต้องมีเรือ 4 ลำ

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาญัตติด่วนขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญติดตาม และตรวจสอบการใช้งบประมาณตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อเยียวยา และฟื้นฟูผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งเสนอโดยส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านรวม 8 ญัตติ

ทั้งนี้ ภายหลังจากสมาชิก ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน อภิปรายโดยใช้เวลาในการอภิปรายนานกว่า 8 ชั่วโมง ที่ประชุมสภาได้มีมติตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ โดยไม่ลงมติ ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ข้อที่ 88 เนื่องจากเสียงใหญ่อภิปรายสนับสนุนอย่างท้วมท้น โดยมีสัดส่วน กมธ.วิสามัญ มีจำนวน 49 คน กรอบระยะเวลาในการพิจารณา 120 วัน

ทั้งนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นผู้เสนอญัตติดังกล่าว ได้อภิปรายเปิดญัตติดังกล่าว ตอนหนึ่งว่า ในน่านน้ำที่ไม่มีใครเคยไปนั้น ประเทศไทยจะรอดได้ต้องมีเรือ 4 ลำ 1.รัฐบาล 2. ราชการ 3.รัฐสภา และ 4. ราษฎร แต่สถานการณ์ปัจจุบันมีเรือแค่ 2 ลำ คือ รัฐบาลกับราชการ โดยรัฐบาลคิดราชการทำ ขณะที่เรืออีก 2 ลำ คือ รัฐสภาถูกลดทอนบทบาท ส่วนราษฎรถูกปล่อยกลางทะเล ไม่มีส่วนรวม ทำให้เราเห็นความอุ้ยอ้ายของราชการ นโยบายที่ผิดฝาผิดตัวของรัฐบาลไม่ยึดโยงกับราษฎร

เพราะฉะนั้น การใช้ กมธ.ชุดนี้จะเป็นพื้นที่ในการสร้างการมีส่วมร่วมของรัฐสภาและราษฎร ผ่านกลไกของฝ่ายนิติบัญญัติ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ เพื่อให้เรือ 4 ลำผ่านมหาพายุไปถึงฝังได้ โดยเฉพาะเรือราษฎร ในภาวะไม่ปกติแบบนี้ จึงต้องให้ กมธ. นี้เป็นมากกว่า กมธ. แต่เป็นการวางยุทธศาสตร์ ยกเครื่องประเทศไทยใช้เงินกู้ ลงทุนไปสู่อนาคต ไม่ใช่ย้อนกลับไปอดีต

"การตั้ง กมธ.เพื่อพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน ต้องมีการทำงานผ่านกลไกรัฐสภา และประชาชนจะกลับมามีความมั่นใจ เชื่อใจ กลับมามีความหวังได้ในที่สุด" นายพิธา ระบุ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง