ไม่พบผลการค้นหา
เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย บี้ผู้บริหารธรรมศาสตร์ ดำเนินคดีแกนนำชุมนุม 19 ก.ย. หากนิ่งเฉยเตรียมร้องเรียนกล่าวโทษผู้บริหาร

ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการจัดการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเริ่มจากการบุกรุกเข้าไปในบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เนื่องจากผู้บริหารของ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ปฏิเสธไม่ให้ใช้สถานที่

เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้ดำเนินตามขั้นตอนอย่างถูกต้องตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด แต่กลับมีการจัดเตรียมอุปกรณ์ตัดถ่างกุญแจรั้วของมหาวิทยาลัยทั้งสองด้าน อันเป็นการทำลายทรัพย์สินของทางราชการโดยบุคคลภายนอก ซึ่งมิได้เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแต่อย่างใดนั้น

การกระทำดังกล่าว ถือว่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา หลายข้อหา หลายมาตรา อาทิ ม.358 ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ที่บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

นอกจากนั้น ยังมีความผิดฐานบุกรุก ตาม ม.362 ที่บัญญัติว่า “ผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือเข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุข ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

แต่เนื่องจากการกระทำดังกล่าวได้กระทำโดยมีลักษณะใช้กำลัง หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลัง โดยมีอาวุธซึ่งเป็นเครื่องตัดกุญแจ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปด้วย จึงเข้าข่ายความผิดตาม ม.365 อีกกระทงหนึ่งด้วย ซึ่งผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนข้อเรียกร้องของสภานักศึกษา มธ. ที่เรียกร้องให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยต้องรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับ สิทธิ์ทัศน์ จินดารัตน์ หนึ่งในการ์ดของผู้ชุมนุม ที่พยายามเปิดประตูเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนถึงขั้นอวัยวะขาดออกจากร่างกาย ทำให้นิ้วก้อยซ้ายถูกซี่ประตูรั้วบีบจนกระดูกร้าวและฉีกขาดนั้น เป็นผลมาจากการกระทำความผิดอาญาของแผ่นดิน มหาวิทยาลัยมิจำต้องรับผิดชอบแต่อย่างใด หากแต่จะเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญที่แสดงให้เห็นว่าบุคคลดังกล่าวได้ใช้กำลังและอาวุธในการบุกรุกเข้าไปในมหาวิทยาลัย โดยชัดแจ้ง

ทั้งนี้สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เฝ้าติดตามการปฏิบัติหน้าที่และการบังคับให้กฎหมายมาระยะหนึ่งแล้ว แต่กลับเงียบเฉยไปโดยที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มิได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษแกนนำที่ฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวแต่อย่างใด เสมือนจะเป็นการให้ท้ายนักศึกษาให้กระทำความผิดต่ออาญาแผ่นดินหรือไม่ ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมฯจึงได้ทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังอธิการบดี มธ. เพื่อให้เร่งแจ้งความดำเนินคดีเอากับผู้ที่ละเมิดกฎหมายดังกล่าวโดยเร็ว หาก มธ.ยังนิ่งเฉย สมาคมฯจำเป็นที่จะต้องร้องเรียนกล่าวโทษผู้บริหาร มธ. ตามครรลองของกฎหมายต่อไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง