ไม่พบผลการค้นหา
ตั้งแต่ปี 2012 มีทหารเกาหลีเหนือหนีข้ามฝั่งมายังเกาหลีใต้ปีละ 1-2 นาย แต่ปีนี้มีทหารอย่างน้อย 4 นายที่ตัดสินใจแปรพักตร์จากเกาหลีเหนือ โดยทหารรายล่าสุดที่หนีข้ามฝั่งมาวันนี้ ได้รับบาดเจ็บจากแผลถูกยิง 2 จุด

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ระบุว่าทหารเกาหลีเหนือนายหนึ่งผละจากหน้าที่ลาดตระเวนตามแนวชายแดนเกาหลีเหนือ และหลบหนีข้ามเขตปลอดทหาร (DMZ) มายังฝั่งเกาหลีใต้ได้สำเร็จ ช่วงเช้าวันนี้ (13 พฤศจิกายน) แต่ก็ได้รับบาดเจ็บเพราะถูกยิงที่ไหล่และข้อศอก ทำให้ทหารและเจ้าหน้าที่ของสหประชาชาตินำตัวทหารคนดังกล่าวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังโรงพยาบาลซูวอนที่อยู่ใกล้เคียง

แหล่งข่าวในกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ยืนยันว่าไม่มีการยิงตอบโต้กันระหว่างทหารเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ แม้ว่าเหตุดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางเยือนเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

การเดินทางเยือนเกาหลีใต้ของนายทรัมป์ทำให้เกิดความตึงเครียดรอบใหม่ในคาบสมุทรเกาหลีเหนือ เพราะนายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ กล่าวพาดพิงนายทรัมป์ผ่านสื่อกระบอกเสียงรัฐบาลเกาหลีเหนือ โดยระบุว่านายทรัมป์เป็นคนแก่ล้าหลังที่พูดเรื่องซ้ำซาก ซึ่งหมายถึงการขู่จะคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเพิ่มเติม และนายทรัมป์ตอบโต้ผ่านทวิตเตอร์โดยเรียกนายคิมว่า 'อ้วนเตี้ย' ซึ่งสื่อสหรัฐฯ ระบุว่าท่าทีของนายคิมเป็นเรื่องปกติของผู้นำรัฐอันธพาล แต่การที่ผู้นำสหรัฐฯ ตอบโต้กลับด้วยประเด็นส่วนตัวไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม และควรมีวุฒิภาวะมากกว่านี้

South Korea Koreas Te_Rata (1).jpg

ขณะเดียวกัน สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ในแต่ละปีมีชาวเกาหลีเหนือแปรพักตร์มายังเกาหลีใต้ประมาณ 1,000 คน ส่วนใหญ่เป็นประชาชนซึ่งมักจะใช้จีนเป็นเส้นทางผ่านในการหลบหนี แต่กรณีทหารแปรพักตร์ข้ามแดนผ่านทาง DMZ ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก และตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา มีทหารเกาหลีเหนือข้ามแดนมาเฉลี่ยปีละ 1-2 คนเท่านั้น แต่เฉพาะปี 2017 มีทหารเกาหลีเหนือหนีข้ามฝั่งมาแล้ว 4 นาย รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเช้าวันนี้

ทางการเกาหลีใต้ระบุว่า หลังจากแพทย์รักษาอาการและวินิจฉัยว่าปลอดภัยแล้ว นายทหารเกาหลีเหนือที่แปรพักตร์จะถูกควบคุมตัวเพื่อสอบปากคำ และต้องตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ เพื่อให้แน่ใจว่านายทหารที่แปรพักตร์ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ แต่ก่อนที่กระบวนการเหล่านี้จะสิ้นสุด กองทัพเกาหลีใต้ที่ประจำการอยู่ตามแนวชายแดนจะได้รับคำสั่งให้เฝ้าระวังและยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อรับมือกับการก่อเหตุยั่วยุจากฝั่งเกาหลีเหนือ 

ข้อมูลของทางการเกาหลีใต้ระบุด้วยว่า กองทัพเกาหลีเหนือมีทหารอยู่ประมาณ 1.2 ล้านนาย และอีก 7.7 ล้านนายเป็นทหารกองหนุน ซึ่งถือเป็นกำลังพลที่มีจำนวนมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเมื่อเทียบกับทหารในประเทศอื่น

South Korea Koreas Te_Rata.jpg

อย่างไรก็ตาม นายอันตอนิอู กูแตร์รีช เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ยืนยันกับเว็บไซต์เดอะดิโพลแมท สื่อด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่า การแก้ปัญหาเกาหลีเหนือต้องใช้แนวทางการเมืองแทนการใช้กำลังอาวุธ เพราะถ้าหากมีการใช้กำลังอาวุธต่อสู้กัน อาจต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตของคนรุ่นต่อไปในการฟื้นฟูเยียวยาความเสียหาย โดยเลขาธิการยูเอ็นระบุด้วยว่า เขาพร้อมที่จะเป็นตัวกลางเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทหรือความขัดแย้งต่างๆ ในคาบสมุทรเกาหลี

ด้านนางคังคยุงวา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้และที่ปรึกษาพิเศษของนายกูแตร์รีช ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กนอกรอบการประชุมความร่วมมือเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองดานังในเวียดนามช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนางคังยืนยันว่าเกาหลีใต้จะต้องผลักดันการเจรจาเพื่อยุติโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ และในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีค่อนข้างสงบ เพราะไม่มีทั้งการทดสอบขีปนาวุธหรือนิวเคลียร์

นางคังระบุว่า นายมุนแจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มีเป้าหมายที่จะเจรจากับผู้นำประเทศอาเซียนให้ร่วมกดดันเกาหลีเหนือ เพื่อนำไปสู่การยุติโครงการขีปนาวุธและนิวเคลียร์ และเกาหลีใต้ยังต้องการที่จะสานต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประชาคมอาเซียนเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เพราะปัจจุบันมีประชากรจากอาเซียนเข้าไปพำนักอยู่ในเกาหลีใต้นับล้านคน