ไม่พบผลการค้นหา
'สมพงษ์' เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจกล่าวหาการบริหารประเทศล้มเหลว 5 ประการ โดยใช้เซลล์สมอง 84,000 เซลล์ ‘ประยุทธ์’ โต้ตนต้องทำตามกฎหมาย ไม่มีอำนาจไปสั่งใคร

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยมีข้อกล่าวหานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอีก 4 คนได้แก่ 1. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ไม่ยึดมั่นและศรัทธาต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ล้มล้างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ กระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไป ตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ใช้อำนาจที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม ละเมิดหลักนิติธรรมและสิทธิเสรีภาพของบุคคลอย่างกว้างขวาง เป็นผู้นำประเทศที่กร่างเถื่อน มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู ปิดปากผู้ที่มีความเห็นต่าง ชอบก่นด่าเมื่อถูกซักถาม 

ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์-ขาดความรู้บริหาร

เมื่อได้อำนาจมาโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญก็สร้างกลไกในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อมุ่งสืบทอดอำนาจของตนเองปล่อยให้มีการทุจริตเต็มบ้านเต็มเมือง ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง บริวารและพวกพ้องเข้าข้างคนชั่วที่เป็นพวกโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม บริหารราชการแผ่นดินโดยขาดความรู้ความสามารถผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ขาดคุณธรรม จริยธรรม แทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำ และองค์กรในกระบวนการยุติธรรมเรียกได้ว่าเป็นยุคยุติธรรมหมดลง บังคับใช้กฎหมายโดยเลือกปฏิบัติ ไม่เป็นไปตามหลักความเสมอภาค ไม่เคารพและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ไม่ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เสียสละ เปิดเผย

ร่ำรวยผิดปกติ ละเว้น-เลือกปฏิบัติพวกพ้อง

สมพงษ์ อมรวิวัฒน์-อภิปรายไม่ไว้วางใจ-6 รมต.


ไม่มีความรอบคอบและระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม มีการกระทำอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรมอย่างร้ายแรง ไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง ใช้งบประมาณของรัฐสร้างคะแนนนิยมให้กับตนเองและพรรคการเมืองโดยมิได้คำนึง ถึงภาระด้านงบประมาณของประเทศเป็นยุคที่เงินกำลังจะหมดคลัง ไม่ยึดตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ลุแก่อำนาจ ขาดภาวะผู้นำ ไม่เสริมสร้างให้ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรมผาสุก และสามัคคีปรองดองกัน 

หาเสียงขายฝัน-ยุคทุจริตเฟื่องฟู

แต่กลับสร้างความขัดแย้งให้ขยายวงกว้าง ล้มเหลวและไร้ประสิทธิภาพในการดูแลด้านเศรษฐกิจส่งผลให้เกิดผลกระทบทาง เศรษฐกิจกับประชาชนทุกภาคส่วนจนก่อให้เกิดสภาพ "รวยกระจุก จนกระจาย" ประชาชนสิ้นหวังให้ความสำคัญกับการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มากกว่าปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน ล้มเหลวในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลอกลวงประชาชน ไม่ทำตามนโยบายที่พรรคการเมืองที่สนับสนุนตนหาเสียงไว้ ทั้งเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ราคาพืชผลทางการเกษตรและลดภาษีเงินได้ ไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

ประยุทธ์-ประวิตร-สมคิด-อภิปรายไม่ไว้วางใจ-6 รมต.


การบริหารราชการแผ่นดินของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่งผลกระทบและเกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างกว้างขวาง เป็นยุคที่ทุจริตเฟื่องฟู น้ำกำลังจะหมดเขื่อน มวลอากาศเป็นพิษเต็มเมือง เศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง หากปล่อยให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงจนประเทศถึงแก่ความล่มจมได้ 

2. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองและพวกพ้อง ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเอง มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 

3. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบด้านกฎหมายได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่เข้าไปก้าวก่าย แทรกแซง การปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรในกระบวนการยุติธรรม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและผู้อื่น เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายด้านการเงินแก่รัฐจำนวนมาก บังคับใช้และตีความกฎหมายโดยไม่ยึดหลักการและบรรทัดฐานที่ถูกต้อง จนทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นเรื่องของอภินิหาร ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือและเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ชี้นำการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐและองค์กรอิสระและไม่มีความ ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ 

4.พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ ฉ้อฉล ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับ ตนเอง บริวารและพวกพ้อง กลั่นแกล้งข้าราชการประจำ ก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ประจำของข้าราชการและองค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นเพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและประพฤติมิชอบในหน่วยงานที่กำกับดูแลอย่าง กว้างขวาง จงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ละเว้นไม่ดำเนินการตามกฎหมาย ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและไม่มีความ ชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ 

5. นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรม มีพฤติการณ์ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ประจำ ของราชการเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องโดยมิใช่อำนาจหน้าที่ของตนตามที่ กฎหมายบัญญัติ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นไปตามครรลองที่กำหนดไว้ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทข้ามชาติ ส่อว่าจงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง นำพาชาติเข้าสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศและไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็น ที่ประจักษ์ 

6. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เข้าสู่ตำแหน่งโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ปกป้องพวกพ้องโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ 

โดยทั้งหมดนี้นำมาซึ่งความล้มเหลว 5 ประการ คือ ความล้มเหลวต่อการสร้างความเชื่อมั่นในทางการเมืองระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากมีการสร้างกลไกเพื่อรักษาอำนาจของพวกพ้อง เช่น การได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาจากเสียงของ ส.ว.ที่แต่งตั้งมาเอง ไม่ได้มาจากเสียงของประชาชน เป็นเพราะรัฐธรรมนูญที่สร้างขึ้นมา โดยผ่านประชามติแบบมัดมือชก มีคำถามพ่วง เอาคนเห็นต่างไปปรับทัศนคติ และดำเนินคดีกับผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหว ทั้งนี้ทำให้เกิดความไม่มั่นใจต่อต่างประเทศ อีกทั้งยังมีสูตรการคำนวณ ส.ส. ที่ผิดปกติ จึงไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการต่อไป ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในต่างชาติและไม่ต้องการให้ส่งต่อไปสู่งรุ่นลูกหลาน 

ประการที่สอง คือการบริหารราชการแผ่นดิน หลักการคือหลักกูและพวกพ้องอย่างไม่อับอาย เช่น การตีความกฎหมายกับคะแนนปัดเศษ เพื่อให้พรรคการเมืองเสื่อมและให้พรรคเล็กสนับสนุนตน ไม่ชี้แจงรายได้ ให้อภิสิทธิ์บางพรรครับบริจาคจากหน่วยงานของรัฐกว่า 600 ล้านบาท ทั้งที่ผิดกฎหมายแต่ใช้กลไกและข้ออ้างต่างๆ ให้รอด และใช้คดีความและข้ออ้างทางกฎหมาย เพื่อให้คนมาสนับสนุน ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อประโยชน์เฉพาะหน้าของตนโดยไม่คำนึงถึงอนาคตประเทศ 

ประการที่สาม คือ การจัดการด้านเศรษฐกิจ ทั้งที่นายกรัฐมนตรีไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจเลย ทำให้ประเทศที่กำลังนำหน้าเพื่อนบ้านต้องกลายเป็นผู้ตามกลายเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ต่ำเกือบที่สุดในโลก ประชาชนเป็นหนี้มีเงินออมน้อย เริ่มจากช่วงแรกที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรีประกาศยกเลิกการสนับสนุนสินค้าเกษตรทำลายกำลังซื้อส่วนใหญ่ของประเทศ โดยไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นตัวพอเริ่มมีอำนาจ มาตรการต่างๆ ทำเพื่อพวกพ้อง บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ เช่น EEC บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และการสร้างรถไฟเชื่อมสนามบิน 

ขณะที่ระหว่างเลือกตั้งออกมาตรการที่เหมือนซื้อเสียงล่วงหน้า เช่น ชิมช้อปใช้ เหมือนเอาเงินภาษีประชาชนมาซื้อเสียง อาศัยช่องว่างว่าไม่ใช่รัฐบาลรักษาการแจกเบี้ยผู้สูงอายุ และระยะสุดท้ายทุ่มให้สินเชื่อ แต่ไร้กำลังซื้อ ประโยชน์ไปตกที่เอกชน ไม่รู้ว่ามือไม่ถึงหรือผลประโยชน์แอบแฝง แต่ได้ทำลายประเทศที่เคยเป็นความหวัง กลายเป็นสิ้นหวัง การบริหารงานที่ล้มเหลวได้ฆ่าชีวิตประชาชนในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ 

ประการที่สี่ ล้มเหลวต่อการทุจริตคอร์รัปชั่น ถ้าเป็นฝั่งตรงข้ามก็จะจัดการ แต่ถ้าเป็นฝั่งตนก็ช่วยเหลือ มีองค์กรต่างๆ ที่ทำให้คดีล่าช้าและสุดท้ายก็หายไป เช่น จากสำรวจการทุจริตเพิ่มขึ้นเป็น 48 เปอร์เซ็นต์ ของปี 2563 การจ่ายเงินใต้โต๊ะมากขึ้น เทียบอัตราการจ่ายเงินใต้โต๊ะ 15 เปอร์เซ็นต์ หรือสามแสนล้านบาทในสองปี ทั้งที่รัฐบาลประกาศปราบการทุจริต แต่ปี 2561 การคอร์รัปชันสูงเป็นประวัติกาล อีกทั้งการทุจริตในกองทัพก็เป็นต้นเหตุของการกราดยิงในโคราช ท่านอาจจะแกล้งหรี่ตามองไม่เห็นเพราะคนที่ทำคืออยู่ในแวดล้อมของตน 

ประการที่ห้า คือ ภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี ท่านอาจจะเป็นผู้นำกองทัพที่ดี แต่การบริหารประเทศสอบตก เพราะเชื่อว่าอำนาจสูงสุดอยู่ที่ผู้มีตำแหน่ง เป็นคำสั่งจากบนลงล่าง ไม่ต้องการให้มีการทักท้วงหรือเห็นต่าง จะเห็นได้จากพฤติกรรมและคำพูดที่สะท้อนวุฒิภาวะทางปัญญาและอารมณ์ หลายครั้งคำพูดกระเทือนต่อสังคมโลก เช่น กรณีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวเกาะเต่า หรือการกราดยิงโคราช โดยที่ท่านเคยบอกว่ามีเซลล์สมอง 84,000 เซลล์ ทำได้แค่ใช้จ่ายแต่หางบประมาณไม่เป็น บริหารประเทศด้วยอารมณ์และความรู้สึก 

นายกฯ แจงเหตุยึดอำนาจ-พาดพิง รบ.ยิ่งลักษณ์

ประยุทธ์-อภิปรายไม่ไว้วางใจ-6 รมต.



ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวชี้แจงว่า ตนไม่ได้โกรธ มีรอยยิ้มแจ่มใสตลอด แม้จะมีการปล่อยข่าวว่าตนต้องมาเผชิญศึก แต่ถือว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยของไทย จะดีหรือไม่ดีก็เป็นรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน ถ้าไม่นับคะแนนเสียง ส.ว. ตนก็ได้คะแนนเกิน 250 เรื่องแรกตนไม่เคยมีความคิดไม่ศรัทธาต่อระบอบประชาธิปไตย แต่ตนต้องแก้ไขปัญหาประเทศชาติตอนนั้น ที่มีการประท้วงและถ้าย้อนกลับไปมันก็มีการโกง ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม การออกกฎหมายนิรโทษกรรม ต้องย้อนกลับไปดูพฤติกรรมของคนก่อนๆ ที่แก้ไขกฎหมายหลายฉบับเพื่อประโยชน์ของใครก็ไม่ทราบ การจำนำข้าว การกู้เงิน 

ขณะเดียวกัน ตนไม่เคยก้าวล่วงใคร โดยเฉพาะสื่อ ตนเป็นคนอารมณ์เย็น จิตใจแจ่มใส แต่บางครั้งก็อาจจะอารมณ์เสียไปบ้าง การทำให้พี่น้องทุกฝ่ายมันอาจจะยาก แต่ถ้าว่าตอนนี้ใช้เงินปลายทางอย่างเดียวเหรอ นครสวรรค์ ภูเก็ตก็โดนไปทั้งคู่ เรื่องเศรษฐกิจ ก็มีปัญหาว่าก่อนหน้านี้ ไม่เคยใช้ ม.44 เพื่อกลั่นแกล้งราชการ แต่ตนทำเพื่อแก้ปัญหาประเทศที่ติดขัด และก่อนหน้านี้ไม่เคยทำ การสืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ตนไม่เคยส่งข้อความไปถึง และทุกอย่างตนทำด้วยเจตนารมณ์บริสุทธิ์ 

ทุกอย่างผ่านคณะกรรมการ มีกฎหมายทุกกระทรวง ตนไม่ได้ไปก้าวล่วงอำนาจ การเอื้อประโยชน์ เป็นเพียงการวิเคราะห์วิจารณ์และคาดการณ์ใช่หรือไม่ใช่ไม่รู้ ส่วนเรื่องประชานิยมรัฐบาลชุดนี้ดูแลทุกคน เพื่อให้เขามีเงินไปซื้อข้าวหรือของที่จำเป็น ไม่ใช่แค่ซื้อในร้านค้ารายใหญ่ แต่เป็นร้านค้ารายเล็ก การต่อสัญญาต่างๆ ก็ไม่ได้เกิดมาในยุคตน ตนต้องทำต่อเนื่อง ตนไม่อยากพูดมากลุคตนเป็นแบบนี้เป็นสุภาพบุรุษ เป็นทหาร ตนต้องรักษาสัตย์ ตนต้องการคำอภิปรายที่เป็นประโยชน์ หลายอย่างมีการบิดเบือน โดยเฉพาะ Fake News จริงๆ แล้วตนเป็นแบบนี้ 

อ่านเพิ่มเติม