ไม่พบผลการค้นหา
ม.รังสิต ร่วมกับ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และองค์กรเครือข่ายทั่วประเทศ จัดงานรำลึกถึง 'บิลลี่' หรือนายพอละจี รักจงเจริญ แกนนำชาวบ้านที่ต่อสู้เรียกร้องเพื่อสิทธิของชาวกะเหรี่ยง ผู้ถูกบังคับสูญหาย นานกว่า 5 ปี ตั้งแต่ปี 2557 หลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ จับและควบคุมตัว และดีเอสไอเพิ่งแถลงผลว่าบิลลี่ถูกฆ่า เผา และถ่วงน้ำในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน แต่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิต และนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้

16 ก.ย. เวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุม 6-200 ตึก 6 อาคาร Student Center มหาวิทยาลัยรังสิต ได้มีการจัดงานเสวนา การฆาตรกรรมอำพรางศพนายพอละจี หรือบิลลี่ บุคคลใด ต้องรับผิดชอบ วิทยากรได้แก่ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)/ผู้แทน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของบิลลี่ นายแสงชัย รัตนเสรีวงษ์ สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน และ น.ส.สัณหวรรณ ศรีสด คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล


ทนายเคลียร์ศาลยังไม่ได้ชี้ว่าเจ้าหน้าที่อุทยาน "ปล่อยตัวบิลลี่" จากกรณีควบคุมตัวก่อนหายไป

นายแสงชัย รัตนเสรีวงษ์ กล่าวว่าชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่บางกลอยถูกไล่ลงมาจาก 'ใจแผ่นดิน' ซึ่งเป็นถิ่นฐานเดิมของชาวกะเหรี่ยงบางกลอย มีการเผายุ้งฉางของชาวบ้าน ซึ่งเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ นอกจากนี้ ยังเป็นการนำชาวกะเหรี่ยงลงมาโดยมีเงื่อนไข เจ้าหน้าที่จะส่งเสริมให้มีที่ดินทำกินครอบครัวละ 7 ไร่ ปรากฏว่าพอลงมาแล้วจัดไม่ได้เลย ชาวกะเหรี่ยงได้ที่ดินเพียงส่วนน้อย และที่ดินก็ไปนำมาจากชาวบ้านโป่งลึก เกิดข้อพิพาทระหว่างพี่น้องกะเหรี่ยงด้วยกัน ทั้งคนที่อยู่มาก่อนและคนที่มาอยู่ทีหลังก็มีที่ดินทำกินไม่พอ พี่น้องบางกลอยที่อพยพลงมาไม่มีทางเลือกอย่างอื่นนอกจากเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหา บางส่วนกลับขึ้นไปบนเขตบางกลอย ปัจจุบันเรียกบางกลอยบน ปรากฏว่า มีการเผาทำลายยุ้งฉางชาวกะเหรี่ยง 100 กว่าครัวเรือน สิ่งที่นักกฎหมายพอจะช่วยได้ เฉพาะหน้า คือช่วยในการเรียกร้องค่าเสียหาย เพื่อบอกกับสังคมว่า เจ้าหน้าที่ละเมิดกฎหมายไม่เป็นธรรม ขณะเดียวกัน บิลลี่เป็นคนที่ช่วยเหลือสภาทนายความฯ ประสานงานกับพี่น้องทั้งหมด จัดเตรียมแม้กระทั่งเอกสาร รวมถึงการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึงความเดือดร้อน

นายแสงชัย กล่าวต่อว่า ระหว่างที่มีการเตรียมคดีความ เตรียมร้องเรียน บิลลี่ถูกควบคุมตัวข้อหามีน้ำผึ้งป่า ขณะกำลังขี่มอเตอร์ไซต์ออกจากด่านอุทยาน จากนั้นก็ไม่มีใครพบอีก ที่จะช่วยต่อไปได้ ในเมื่อผู้พบคนสุดท้ายคือ เจ้าหน้าที่อุทยาน ในการกำกับของ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานขณะนั้น จึงทำคำร้องถึงศาล ขอให้ศาลปล่อยตัวบิลลี่ออกจากการควบคุม

ต่อมามีการสู้กัน 3 ชั้นศาล โดยศาลชั้นต้นเรียก นายชัยวัฒน์ ศาลก็รับฟังพยานทั้งสองฝ่าย ศาลชั้นต้นบอกว่าฝั่งผู้ร้องมีน้ำหนักน้อย พยานของชัยวัฒน์ ผู้ถูกกล่าวหา น่าเชื่อถือมากกว่า มีทั้ง นักศึกษา ประชาชนในพื้นที่ที่เห็นว่า เจ้าหน้าที่ปล่อยแล้ว

ศาลอุทธรณ์ยืนศาลชั้นต้น แต่มาพลิกที่ศาลฎีกา ที่บอกว่ากระบวนการศาลชั้นต้นใช้กฎหมายไม่ถูกต้อง เพราะกรณีอย่างนี้ ศาลชั้นต้นต้องไต่สวนเฉพาะพยานผู้ร้องให้จบก่อน ว่าชอบหรือไม่ชอบอย่างไร แต่ศาลชั้นต้นลัดขั้นตอนเรียกนายชัยวัฒน์มาก่อน

ดังนั้น ศาลฎีกาบอกว่ากระบวนการสืบพยานของนายชัยวัฒน์ เป็นกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เท่ากับศูนย์ หมายความว่า ไม่ได้ใช้ในการรับฟัง ศาลฎีกาจึงบอกว่าเพื่อไม่เสียเวลาให้ศาลชั้นต้นไปกลับไปพิจารณาใหม่ ให้เอาหลักฐานพยานของมึนอที่มีมาพิจารณา แต่ศาลฎีกาก็บอกว่าน้ำหนักยังน้อย ยังรับฟังไม่ได้ว่า มีการควบคุมตัวไว้โดยไม่ชอบ จึงยกคำร้องเช่นเดียวกัน

นายแสงชัย กล่าวว่า ตรงนี้มีความต่าง เพราะเนื่องจากเท่ากับยังไม่ได้มีการวินิจฉัยว่า "มีการปล่อยตัว" มีหลักฐานเพียงพอว่ามีการปล่อยตัวหรือไม่ เดี๋ยวจะมีคนเอาไปอ้างว่า ศาลรับรองแล้วว่าปล่อยตัว ศาลไม่ได้ชี้อย่างนั้น อย่าไปเข้าใจผิด เพียงแค่พยานที่มึนอมียังไม่พอเท่านั้น

ตอนนี้เรื่องดังกล่าวผ่านการทำงานของดีเอสไอ เชื่อว่าพยานหลักฐานคงไม่ใช่เป็นพยานบอกเล่า อย่างในอดีตอีกแล้ว ดังนั้น คดีเดิม ไม่ใช่ข้อยุติของกรณีบิลลี่ ย้อนกลับมาดูว่าบิลลี่เกี่ยวข้องอะไรกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ การทำให้สูญหาย จนบัดนี้ต้องเรียกว่า เป็นการฆาตกรรม

เสวนา บิลลี่

นายแสงชัยกล่าวว่า “ความยุติธรรมมีได้ เมื่อไหร่ถ้าชุมชนเราตื่นรู้ เมื่อนั้นความยุติธรรมจะเกิดขึ้น”


“ประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นระบบอุปถัมภ์ และอิทธิพลของอำนาจนิยม โดยไม่สนใจกฎหมายด้วยซ้ำไป แล้วทำไมคนผิดไม่โดนลงโทษ เราจึงต้องมี ปปท. มีดีเอสไอ แต่เครื่องมือนี้ผมเชื่อจริงๆ ว่า ลำพังแค่การออกแบบเครื่องมือก็ยังแก้ไม่ได้อยู่ดี จนกว่าพี่น้องที่จะเป็นเจ้าของปัญหา จะลุกขึ้นมาตรวจสอบ”


'มึนอ' เล่า เสาหลักของบ้านหายไป ทำชีวิตลำบาก - คนเราควรจะอยู่กันด้วยความเข้าใจ มีความเสมอภาค และสิทธิเท่าเทียมกัน

ด้าน น.ส.พิณนภา หรือ ‘มึนอ’ กล่าวว่าชีวิตความเป็นอยู่ 5 ปีที่ผ่านมา ก็ลำบาก เหมือนบ้านหลังหนึ่ง ถ้าเสาหลักบ้านไม่มี บ้านก็ไม่มั่นคง ไม่แข็งแรง เสาหลักในบ้านหายไป ต้องทำงานทั้งในบ้าน และนอกบ้าน ในใจก็รอคอยว่าบิลลี่หายไปไหน เป็นอย่างไร รวมถึงการต้องออกมาทำงานกับเครือข่าย และติดตามคดีของบิลลี่

เธอยังกล่าวถึงผู้ที่เกี่ยวข้องว่า ถ้ามีกฎหมายอยู่ในมือ ควรจะปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่ควรที่จะรังแกคนที่ไม่มีกฎหมายอยู่ในมือ อย่างเช่น การจับบิลลี่ไปแล้วไม่ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย บิลลี่ก็หายไป “คุณใช้กฎหมา ไม่ใช่กฎหมาย”

เสวนา บิลลี่


“ทุกคนก็มีชีวิตและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นเผ่าไหนๆ เราอยู่ในประเทศไทยเหมือนกัน เป็นพี่น้องเผ่าพันธุ์เดียวกันทุกคน ควรจะอยู่ด้วยกันด้วยความเข้าใจ ถึงจะอยู่ด้วยกันได้ ไม่อยากให้คนที่มีกฎหมายในมือ หรือคนที่มีอำนาจคิดว่าตัวเองใหญ่ อยากให้ทุกคนมีความเสมอภาค มีสิทธิเท่าเทียมกัน”


DSI ยันทุ่มเทเต็มที่ตามหา 'บิลลี่' จนเจอ

พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร กล่าวว่า ตนเห็นมึนอและลูกแล้วเกิดความสงสาร คนเป็นสามีจะไปที่ไหนได้ถ้าไม่กลับบ้าน มันสร้างสมมติฐานว่า มีพ่อคนไหนมีลูก 5 คน แล้วใครจะไม่กลับบ้าน สุดท้ายก็ไม่มีคนรู้ว่าบิลลี่ไปอยู่ที่ไหน ไม่ได้รับการติดต่อ ไม่มีใครพบเห็น

คดีนี้เริ่มต้นแค่เพียงคนหาย แต่กว่าจะเข้ามาเป็นคดีพิเศษได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านกรรมการถึง 22 คนต้องยกมือให้เรา 2 ใน 3 เพื่อให้เป็นคดีพิเศษ กรรมการยกมือทุกคน เมื่อเป็นคดีพิเศษแล้ว ก็มีกระบวนการการทำงานของเรา

เสวนา บิลลี่

"ผมเป็นคนทำงานเร็วมา โมโห ถ้าอะไรไม่สำเร็จ ต้องเร็ว ต้องทำให้ได้ ผมคิดว่าไม่มีอะไรที่เกินความสามารถของมนุษย์บนโลกนี้ ลูกน้องกดดันนะ ผมบอกว่าผมไม่รู้ละ ผมนั่งบนโต๊ะผมทำอย่างนี้อะ หากันให้เจอ มันเป็นความทุกข์ แต่มันมีความสุขแทรกอยู่ที่ได้ทำ...ลูกน้องผมแทบเป็นแทบตาย...แล้วการทำงานผมบอกท่านเลย ถ้าไม่ได้ไม่ต้องมาคุยกัน มันอาจจะเป็นด้วยกระบวนการสืบสวน การทำงานด้วยความทุ่มเทอย่างมาก แล้วเรื่องนี้ไปพบกระดูกแล้วเราพบว่า ดีเอ็นเอตรงกันกับคุณแม่ของคุณบิลลี่ มันทำให้เราได้รู้ว่า กะโหลกชิ้นนี้พอหลุดจากศีรษะมนุษย์ เจ้าของกระดูกเสียชีวิตแล้ว"

เขากล่าวต่อว่า รูปแบบคดีเปลี่ยน จาก ป.ป.ท. ซึ่งเป็น มาตรา 157 ก็เปลี่ยนมาเป็นคดีฆาตรกรรม DSI ก็ต้องเดินหน้าให้เต็มที่ เพราะฉะนั้น ช่วงเวลาที่ผ่านมา เราไม่ได้มมาพูดเพื่อที่จะบอกว่า เราเป็นคดี แต่เราจะบอกว่า เราได้ทุ่มเทศักยภาพ การทำงานอย่างเป็นรูปแบบจริงๆ การทำงานของคณะทำงานทุ่มเทหนักมาก หาทุกข่าว ที่จะเอาให้ได้

ผมทำมาใช้เวลาพอสมควร แล้วเป็นเรื่องที่ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ดีที่สุด ต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่ง สำหรับการค้นหาบิลลี่ใช้เวลาเท่าไหร่ พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า ตั้งแต่ ปี 2557 ตนลงไปตั้งแต่ปีต้นๆ เรื่องไปอยู่ที่ ป.ป.ท. DSI ก็ส่งเรื่องไปรวมที่ ป.ป.ท. ก็ไม่ได้หยุดสืบสวน ก็บอกว่าใครลงไปแก่งกระจาน ไปเพชรบุรีลงไปหาข้อมูลให้ด้วย ลูกน้องที่ DSI ก็เด็กดี ชุดนี้ต้องชมเขา เขาไม่เคยทิ้งเลย