ไม่พบผลการค้นหา
แกนนำพรรคเพื่อไทย เสนอ กกต. พิจารณาใช้บัตรเดียวเบอร์เดียวทั่วประเทศ ป้องกันประชาชนสับสน ลดความผิดพลาดการลงคะแนน ด้านเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่จี้รัฐบาลปลดล็อกสื่อก่อนการเลือกตั้ง
อนุดิษฐ์ นาครทรรพ พรรคเพื่อไทย DSC01379.JPG

นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ แกนนำพรรคเพื่อไทยสนับสนุนให้พรรคการเมืองใช้หมายเลขเดียวกันทั่วประเทศ เชื่อว่าหากดำเนินการในลักษณะดังกล่าว ประชาชนจะไม่เกิดความสับสน และสะดวกสบายซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเลือกตั้ง โดยเชื่อว่าเป้าหมายดังกล่าวเป็นความตั้งใจของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ต้องการเห็นประชาชนออกไปใช้สิทธิ์อย่างถูกต้องและราบรื่น เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้ไปใช้สิทธิ์อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นจึงเห็นแนวความคิดของประชาชนพรรคการเมือง รวมถึงนักวิชาการ ออกมาสนับสนุนให้ใช้ 'แนวทางบัตรเดียวเบอร์เดียวทั่วประเทศ' เพราะหากพิจารณาด้วยหลักเหตุผลเชื่อว่าทุกคนจะเห็นในทิศทางเดียวกัน ว่าประชาชนจะเกิดความสะดวกและง่ายต่อการตัดสินใจเลือกลงคะแนน รวมถึงช่วยลดภาระในเขตติดต่อ ไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน โดยเฉพาะในส่วนของตัวผู้สมัคร ทั้งนี้มั่นใจว่าหากใช้รูปแบบบัตรเดียวเบอร์เดียว ความผิดพลาดจะอยู่ในระดับต่ำหรืออาจไม่เกิดขึ้นเลย

ปิยะบุตร แสงกนกกุล.jpg

'ปิยบุตร' กังวล ป้ายหาเสียง - ผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ ไม่สามารถแนะนำตัวได้ 'จำกัดเสรีภาพ'

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวภายหลังการหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ซึ่งมีข้อสรุปในเบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้รูปในป้ายเสียง โดยรูปที่สามารถใช้ได้ จะประกอบไปด้วยรูปของผู้สมัครในเขตเลือกตั้งนั้น รูปหัวหน้าพรรค และรูปของผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี แต่กลับไม่มีความชัดเจนในส่วนของผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อ ที่ไม่สามารถใช้รูปหาเสียงได้ ซึ่งมีความเป็นห่วงการรับรู้ของประชาชนต่อผู้สมัครในระบบนี้ ในขณะที่มีบางพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเป็นรัฐมนตรี และจะเสนอชื่อบุคคลในรัฐบาลเป็นนายกฯ สามารถใช้รูปรัฐมนตรีเหล่านั้นในการหาเสียงได้ ขณะเดียวกันรัฐมนตรีและบุคคลในรัฐบาลมีการใช้รูปในการประชาสัมพันธ์ผ่านกระทรวงต่างๆ ไปด้วยนั้น อาจเกิดความไม่เท่าเทียมขึ้น กกต. จึงควรพิจารณาและสร้างมาตรฐานที่ทำให้เกิดความเท่าเทียมกับใน้เรื่องนี้

รวมทั้งเรื่องกฎหมายที่มีคำสั่ง คสช. กำกับ มองว่า ยังไม่เป็นการปลดล็อกที่แท้จริง เพราะสื่อต้องทำหน้าที่ตรวจสอบให้ประชาชน และยังเป็นพื้นที่ให้แต่ละพรรคได้วิพากษ์วิจารณ์เต็มที่ ซึ่งประกาศ คสช. 3 ฉบับ ได้แก่ ประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557 การขอความร่วมมือต่อการปฏิบัติงานของ คสช. และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ซึ่งห้ามเสนอข่าวสารที่เป็นภัยต่อความมั่นคง ความลับราชการ ยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง, ประกาศ คสช. ฉบับที่103/2557 แก้ไขเพิ่มเติมจาก ประกาศฉบับที่ 97/2557 ซึ่งมีเนื้อหาห้ามวิพากษ์วิจารณ์ การปฏิบัติงานของ คสช. โดยเจตนาไม่สุจริต เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของ คสช. ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ, คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญเกี่ยวกับการห้ามการนำเสนอข่าว และเผยแพร่ในสื่อต่างๆ ที่มีข้อความที่ให้ประชาชนหวาดกลัว นายปิยบุตรมองว่าเป็นการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ความเข้าใจผิดต่อความมั่นคงของชาติและส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: