ไม่พบผลการค้นหา
โควิด-19 ระบาดที่ฐานทัพสหรัฐฯ ในโอกินะวะ ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่วิจารณ์ว่า ทหารอเมริกันมีสิทธิพิเศษในการบินตรงไปที่ฐานทัพในโอกินะวะได้ โดยไม่ต้องผ่านการตรวจคัดกรองโรคตามมาตรการของสนามบินญี่ปุ่น

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ฐานทัพสหรัฐฯ ในโอกินะวะของญี่ปุ่น จนโอกินะวะต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินวันที่ 1-15 ส.ค. ส่งผลให้ชาวญี่ปุ่นในพื้นที่วิพากษ์วิจารณ์สิทธินอกอาณาเขตทหารและเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ ภายใต้ข้อตกลงสถานะของกองทัพสหรัฐฯ -ญี่ปุ่น (SOFA) ที่มีมานานหลายสิบปีแล้ว พร้อมเรียกร้องให้มีการทบทวนและแก้ไขข้อตกลงนี้

ภายใต้ข้อตกลง SOFA สมาชิกของกองทัพสหรัฐฯ จะได้รับการยกเว้นจากกฎหมายและกฎเกณฑ์เรื่องพาสปอร์ตและวีซ่าญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ของกองทัพสหรัฐฯ สามารถบินตรงไปที่ฐานทัพสหรัฐฯ ในโอกินะวะ โดยไม่ต้องผ่านการตรวจโรคโดยเจ้าหน้าที่ในสนามบินของญี่ปุ่น

SOFA เป็นข้อตกลงที่ญี่ปุ่นทำกับสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2503 และทำให้ชาวญี่ปุ่นไม่พอใจมายาวนาน เพราะพวกเขามองว่า เจ้าหน้าที่ของกองทัพสหรัฐฯ “อยู่เหนือกฎหมาย” ของญี่ปุ่น จนมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตยของญี่ปุ่น และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยิ่งตอกย้ำว่าทางการญี่ปุ่นอ่อนแอกว่าประเทศในยุโรปและเอเชียอื่นๆ ที่อนุญาตให้สหรัฐฯ เข้าไปตั้งฐานทัพในประเทศ 

ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่อเมริกันได้รับการยกเว้นจากกฎหมายการบิน ทำให้สหรัฐฯ สามารถฝึกบินต่ำ ซึ่งมักสร้างเสียงรบกวนคนในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไม่สามารถสืบสวนสอบสวน หรือดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่อเมริกันที่เกี่ยวข้องกับคดีต่างๆ โดยเฉพาะในโอกินะวะ เช่น คดีข่มขืนผู้หญิงท้องถิ่น อุบัติเหตุเครื่องบินตก

จากข้อมูลของโอกินะวะ คดีที่เกิดจากทหาร เจ้าหน้าที่พลเรือน และครอบครัวชาวอเมริกันในช่วงปี 2515-2562 มีมากถึง 6,029 คดี และในช่วงเวลาเดียวกันมีอุบัติเหตุจากเครื่องบินของกองทัพสหรัฐฯ ทั้งเครื่องบินตก หรือชิ้นส่วนเครื่องบินหลุดออกมาทั้งหมด 811 เหตุการณ์

อุบัติเหตุครั้งใหญ่เมื่อปี 2557 เกิดขึ้นเมื่อเฮลิคอปเตอร์ของสหรัฐฯ ตกในมหาวิทยาลัยนานาชาติโอกินะวะ จากนั้นกองทัพสหรัฐฯ ก็ปิดล้อมพื้นที่เกิดเหตุ ไม่ยอมให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของโอกินะวะเข้าไป

เมื่อไม่สามารถเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ของกองทัพสหรัฐฯ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในละแวกฐานทัพอากาศและฐานทัพเรือสหรัฐฯ ในโอกินะวะ จึงยื่นฟ้องรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อให้มีคำสั่งห้ามการฝึกซ้อมตอนเที่ยงคืน


ที่มา : Japan Times, Deutcshe Welle