ไม่พบผลการค้นหา
'องอาจ' พอใจ ปชป.อภิปรายงบฯ 64 นำเสนอข้อมูลครบถ้วน เป็นประโยชน์ต่อสังคม ด้าน 'เทพไท' แนะประชุมสภาเลิกไม่เกิน 22.00 น.เพื่อประโยชน์ทุกฝ่าย ทั้ง ส.ส. - ประชาชน

วันที่ 4 ก.ค. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท ตลอด 3 วันที่ผ่านมาว่า ตนพอใจการทำหน้าที่ของ ส.ส.ปชป.ที่ได้พยายามทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ นำเสนอข้อมูลครบถ้วนรอบด้านแบบเจาะลึก โดยเน้นการอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ มีข้อเสนอแนะที่มีคุณค่าในการนำไปใช้ปรับปรุงการทำงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง

รัฐทำงบฯ ไม่ตอบโจทย์วิกฤต

นายองอาจ กล่าวว่า ส.ส.ปชป.ได้ชี้ให้เห็นถึงการจัดทำงบครั้งนี้ ยังเป็นการทำงบแบบปกติเหมือนทุกๆ ปีที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ประเทศมีวิกฤตจากโควิด-19 ที่มีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก แต่การจัดทำงบยังไม่ตอบโจทย์เพื่อแก้วิกฤตเท่าที่ควร รวมถึงการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME ไม่มีความชัดเจนว่างบปี 64 จะเข้าไปช่วยเหลือคนกลุ่มนี้มากน้อยแค่ไหน อย่างไร

นอกจากนี้ยังมีการสะท้อนให้เห็นสภาพความเป็นจริงของธุรกิจการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะผู้ประกอบการเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวรายเล็ก รายน้อย ที่ยังมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ รัฐจึงควรจัดทำงบเพื่อรองรับวิกฤตโควิด-19 ที่กระทบธุรกิจท่องเที่ยวให้เหมาะสมขึ้น ขณะเดียวกัน เรายังแสดงให้เห็นว่าการจัดงบครั้งนี้ยังไม่คำนึงถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย

รองหัวหน้า ปชป. กล่าวว่า ส.ส.ปชป.ยังได้สะท้อนถึงปัญหาการจัดสรรงบประมาณที่ยังละเลยความเดือดร้อนของชาวบ้าน เช่น เรียกร้องให้มีถนนมอเตอร์เวย์ เพื่อเป็นถนนทางเลือกให้คนภาคใต้เพิ่มขึ้น รวมถึงเรียกร้องให้จัดสรรงบเพื่อแก้ปัญหาเรื่องน้ำทั้งระบบ ให้เกิดความมั่นคงทางทรัพยากรน้ำแบบยั่งยืน

สิ่งที่ ปชป.เน้นย้ำมากที่สุดตลอด 3 วันนี้ก็คือ การใช้จ่ายงบอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด กับประชาชน และประเทศชาติ

ติงประชุมเลิกดึกเกิน ไม่ก่อประโยชน์

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในภาพรวมทุกอย่างได้ผ่านไปอย่างราบรื่น บรรยากาศของการประชุมก็เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ทำให้สถาบันนิติบัญญัติเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนได้ ภาพลักษณ์การทำงานของสภาผู้แทนราษฎรก็ดีขึ้นในสายตาประชาชน

ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีผู้อภิปรายจำนวน 20 คน ที่มีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง เป็นหัวหน้าทีม ได้ทำหน้าที่อภิปรายสะท้อนปัญหาของประชาชน ได้ครบถ้วนทุกแง่มุม นับว่าเป็นความสำเร็จในการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของพรรคอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนตัวเห็นว่าการประชุมครั้งนี้ มีกำหนดวันประชุมเพียง 3 วัน ทำให้เวลาการประชุมในแต่ละวันมากเกินไป เช่น วันแรกประชุมกันจนถึงเวลา 0.35 น. วันที่ 2 เลิกประชุมเวลา 1.39 น. และวันที่ 3 ได้ลงมติและเลิกประชุมเวลา 23.30 น. ซึ่งเป็นการประชุมมาราธอนที่ใช้เวลาจนดึกมากไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย การประชุมดึกเกินไป ทำให้การทำงานขาดประสิทธิภาพ มีอาการง่วง เมื่อยล้า ทั้งประธานที่ประชุม ผู้อภิปราย คณะรัฐมนตรีที่ต้องตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวที่คอยทำข่าวประจำสภา และประชาชนผู้สนใจติดตามการประชุมก็อดนอน หรือนอนหลับไป ไม่มีใครสนใจการประชุม จึงไม่ก่อประโยชน์ใดๆ ต่อประชาชน

ถ้าหากต้องการให้การประชุมสภา มีประสิทธิภาพเป็นที่สนใจของประชาชน และต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารด้วย ก็ควรจะประชุมสภากำหนดเวลาเลิกไม่เกินเวลา 21.00-22.00 น.เท่านั้น

จึงขอเสนอให้วิปทั้ง 2 ฝ่าย ได้ทบทวนวิธีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรใหม่ โดยควรคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง จะใช้เวลาประชุมกันกี่วันก็ได้ แต่ควรเลิกประชุมไม่เกินเวลา 22.00น. ถ้ามีข้ออ้างเรื่องการเซ็นชื่อกลัวองค์ประชุมจะไม่ครบนั้น เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น ต้องยึดผลประโยชน์ของส่วนรวมให้มากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน


อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :