ไม่พบผลการค้นหา
รัฐบาลตั้งศูนย์โควิด-19 นายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธาน 'ประยุทธ์'ยันไม่ซ้ำซ้อน ขอกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ สั่งผลิตหน้ากากอนามัย 9 แสนชิ้นรองรับบุคลากรทางการแพทย์ เตือนพร้อมเอาผิดโซเชียลมีเดียโพสต์กักตุนหน้ากาก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวตั้งศูนย์โควิด-19 โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานศูนย์ โดยศูนย์ที่กระทรวงสาธารณสุข และศูนย์ข้อมูลโควิด-19 ที่ตั้งขึ้นก่อนหน้านี้ที่ทำเนียบรัฐบาล ยืนยันไม่ศูนย์โควิด-19 ไม่ซ้ำซ้อนและการทำงานมีเอกภาพ พร้อมให้เหตุผลต้องแยกเป็น 3 ศูนย์ เพราะใช้กฏหมายคนละฉบับ

ซึ่งมาตรการของไทยในการเฝ้าระวังกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยง มาถูกทางแล้ว เพราะพบเชื้อน้อย เมื่อเทียบกับตอนแพร่ระบาดระยะแรกๆ สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เป็นประเทศระดับต้นๆ และขณะนี้จีน จะส่งหน้ากากอนามัย ยา วัคซีน มาช่วยไทย พร้อมขอให้ทุกคนเข้าใจทุกฝ่ายทั้งผู้เดินทางผู้ป่วยและผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยให้มีการกักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน และแจ้งรายงานอาการป่วย โดยให้ทำแอปพลิเคชัน ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยจะติดตามและตรวจสอบได้จากแอปพลิเคชัน

เร่งผลิตหน้ากากให้บุคลากรทางการแพทย์ 9 แสนชิ้น

ส่วนปัญหาหน้ากากอนามัยที่ขาดแคลน ได้สั่งการให้บุคคลากรทางการแพทย์มีใช้ให้เพียงพอ โดยปัจจุบันให้หน้ากาก 7 แสนชิ้น กับบุคคลากรทางการแพทย์ หากไม่เพียงพอจะเพิ่มเป็น 9 แสนชิ้น และกำลังเร่งจัดทำหน้ากากผ้า ซึ่งกระทรวงมหาดไทยกำลังผลิต 50 ล้านชิ้น เพื่อแจกจ่ายประชาชน ขณะเดียวกัน ได้ให้กระทรวงอุตสาหกรรม เร่งการผลิตเพิ่ม เป็น 20 ล้านชิ้น

เตือนเอาผิดโซเชียลฯ โพสต์กักตุนหน้ากาก

นายกรัฐมนตรี ยังยืนยัน ว่ารัฐบาลมีความมุ่นมั่งจะแก้ปัญหานี้ให้ได้ แต่ถ้าบอกว่าสิ่งที่ทำมาไม่ดีสักอย่าง ทุกฝ่ายก็หมดกำลังใจ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนไม่ห่วงตนเอง เพราะตนเองไม่มีวันหมดกำลังใจ แต่สิ่งสำคัญคือการเสพโซเซียลมีเดียที่มีการโพสต์กักตุนหน้ากาก ไปตรวจสอบแล้วไม่มี ต้องถูกลงโทษ ดังนั้น ควรระมัดระวังการเสพสื่อโซเซียลมีเดีย อย่านำมาโยงกับการเมือง ซึ่งตนไม่อยากตอบเรื่องการเมือง แม้จะมีอำนาจในการดำเนินการ แต่ตนไม่อยากให้เกิดความแตกแยกในรัฐบาล

เช่นเดียวกับเรื่องเงินบริจาคที่ทำให้เข้าใจผิด เพราะเป็นคนละส่วน เพราะเงินกองทุนจะเป็นเงินที่นำมาช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงการหลอกลวงขายหน้ากากในออนไลน์เหมือนกรณีนายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือเสี่ยบอย ที่ตรวจสอบแล้วไม่พบก็จะต้องถูกลงโทษตามกฏหมายความผิดทางคอมพิวเตอร์ พร้อมยืนยันจะเอาผิดคนที่เกี่ยวข้องในข้อหาหลอกลวงฉ้อโกง "ส่วนปัญหาผีน้อยที่ถูกกักตัวไลฟ์สดดื่มสุราก็จะต้องถูกดำเนินการ นี่คือสิ่งที่ต้องข้อร้อง เพราะคนเหล่านี้ถูกปฏิเสธจากชุมชน ไม่ได้บอกให้เกลียดชัง แต่ขออย่าทำถ้าหากพบเห็นขอให้แจ้งมารวมถึงเห็นผู้ที่กักตัวเอง แล้วไปดื่มสุราขอให้แจ้งมาจะได้มาติดตามตัวลงโทษ ซึ่งได้ออกมาตราการไปแล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง