ไม่พบผลการค้นหา
ครม.นัดพิเศษ เห็นชอบหลักการให้ ธปท. ออกซอฟต์โลน ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายใหญ่เพิ่ม เตรียมออกกฎหมายเปิดให้เข้าซื้อตราสารหนี้ภาคเอกชนได้ ขยายระยะเวลาการคุ้มครองเงินฝาก 5 ล้านบาทอีก 1 ปี และให้แบงก์พาณิชย์ลดเงินนำส่งกองทุนฟื้นฟูฯ

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ครม. วาระพิเศษวันนี้ (3เม.ย.63) ได้เห็นชอบในหลักการ ออก พ.ร.ก.ให้ ธปท. สามารถปล่อยสินเชื่อระยะยาวดอกเบี้ยต่ำพิเศษได้โดยตรง (ซอฟท์โลน) เช่นเดียวกับที่เคยทำเมื่อเกิดวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ซึ่งวงเงินจะมากกว่าที่ ครม. ก่อนหน้านี้ได้อนุมัติให้ธนาคารออมสินออกซอฟท์โลน วงเงิน 1.5 แสนล้านบาทในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่ผ่านมา เพื่อให้สามาถช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดใหญ่ได้เพิ่มขึ้น 

นอกจากนี้ ยังเตรียมออกกฎหมายเพื่อเปิดช่องให้ ธปท. สามารถเข้าไปซื้อตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ครบกำหนดชำระได้ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นตราสารหนี้ของบริษัทที่มีคุณภาพดี และต้องมีการระดมทุนจากตลาดตราสารหนี้เอกชนไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง เนื่องจากกลไกในการดูแลตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีขนาด 3.5 ล้านล้านบาท มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับสินเชื่อภาคธุรกิจ ที่มีวงเงิน 14 ล้านล้านบาท เชื่อว่ามาตรการนี้จะมีส่วนช่วยเติมเต็มให้ตลาดตราสารหนี้สามารถเป็นเครื่องมือในการดูแลระบบการเงินได้ไม่น้อยกว่าปกติ โดยมาตรการทั้งหมดจะเสนอให้ที่ประชุม ครม. ในวันที่ 7 เม.ย. 2563 พิจารณาอีกครั้ง

ทั้งนี้ในส่วนของมาตรการด้านการเงิน ได้เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการคุ้มครองเงินฝากที่จะปรับลดลงเหลือ 1 ล้านบาทจาก 5 ล้านบาท ในช่วงเดือน ส.ค. 2563 ออกไป 1 ปี เป็น ส.ค. 2564 เพื่อลดความกังวลของประชาชน พร้อมทั้งเห็นชอบให้ลดการนำส่งเงินสมทบจากเงินฝากของธนาคารพาณิชย์เพื่อใช้หนี้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เหลือร้อยละ 0.23 จากร้อยละ 0.46 โดยหวังว่าการปรับลดการนำส่งเงินสมทบนี้จะทำให้สถาบันการเงินจะนำส่วนต่างการออกมาตรการเพื่อลดภาระภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ และประชาชน