ไม่พบผลการค้นหา
'ทวี-นิคม-สุชาติ' ชำแหละงบประมาณปี 63 ทุ่มให้กับทหาร-กลาโหม สูงขึ้น ติงไม่จัดสรรงบฯที่ก่อให้เกิดรายได้ เมินจัดงบฯแก้ปัญหาเหลื่อมล้ำ ซัดปลุกองค์กร กอ.รมน.มาดำเนินคดีพรรคฝ่ายค้าน ย้ำมุ่งเพิ่มงบฯกลาโหมทำประเทศเจริญช้า

เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่สำนักงานพรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.คลัง และนายมนตรี บุญจรัส รองโฆษกพรรคประชาชาติ แถลงถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 โดย พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า ส.ส.พรรคฝ่ายค้านเห็นว่างบประมาณเป็นเงินภาษีอากรของประชาชน ถ้าเราลดภาษีมูลค่าเพิ่มสักบาทนึง เงินจะคืนสู่ประชาชนแสนล้านบาท หากดูงบประมาณเราต้องมองว่าเราใช้งบประมาณที่ไม่ได้เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยมหาสารคามส่งข้อมูลการศึกษาด้านความเหลื่อมล้ำว่า ปีนี้ไม่มีงบประมาณแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำเลยทั้งที่นโยบายรฐบาลประกาศเรื่องความเหลื่อมล้ำ

พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า ที่จริง กอ.รมน.ถูกยุบไปนานแล้ว แต่หลังมีการปฏิวัติเมื่อปี 2549 ทำให้มี กอ.รมน.กลับมาอีกครั้งในปี 2551 จะพบว่า กอ.รมน.จะมีงบประมาณซ่อนไว้ในสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ปีนี้การจัดงบประมาณงบบุคลากรถูกแยก เหลือเงิน กอ.รมน. อยู่ 6,000 กว่าล้าน โดยมีผูใช้งบก้อนนี้คือนายกรัฐมนตรี ทำให้ความมั่นคงอยู่เหนือกว่ารัฐธรรมนูญ ใน 10 ครั้งที่มีการรัฐประหารมีการโกหกว่ารัฐธรรนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ความจริงเขาคือผู้ฉีกรัฐธรรมนูญทุกครั้ง โดยเฉพาะครั้งนี้ กอ.รมน.ไปแจ้งความ 7 พรรคฝ่ายค้านที่ภาคใต้ พนักงานสอบสวน ถูกบรรจุเป็นกำลังพลของ กอ.รมน.ทั้งที่พนักงานสอบสวนที่รับแจ้งความต้องพิจารณาตามพยานหลักฐาน เมื่อ กอ.รมน.ไปแจ้งความกับลูกน้องของตนเอง ความยุติธรรมก็จะไม่บังเกิด ดังนั้น กอ.รมน.ต้องปฏฺิรูปให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม

"ต้องปรับแก้ให้เป็นความมั่นคงของราษฎร ไม่ใช่ความมั่นคงเพื่อสืบทอดอำนาจของผู้อยู่ในตำแหน่ง ดังนั้นงบประมาณ 6,000 ล้านบาท ไม่ได้ช่วยให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข แต่กลับเพิ่มความหวาดระแวงให้ประชาชน และประชาธิปไตย" พ.ต.อ.ทวี ระบุ

ชี้ถลุงงบฯใส่กลาโหม สูงทุกปี

นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย กล่าวว่า จากที่ได้ดูงบประมาณปี 2563 ที่จะมีการอภิปรายกันในวันนที่ 17-18 ต.ค.นี้ พบว่างบฯที่สร้างรายได้ต่อประเทศ ค่อนข้างจะน้อย รวมทั้งงบที่จะก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างเศรษฐกิจ แแก้ปัญหาความยากจน แต่กลับให้ความสำคัญกับงบด้านความมั่นคงและกระทรวงกลาโหม ทราบว่า พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี บอกว่างบกระทรวงกลาโหมไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่จากการศึกษาหาข้อมูลแล้ว ปรากฎว่างบกระทรวงกลาโหมเพิ่มขึ้นทุกปี ตั้งแต่ปี 2558, 2559, 2560, 2561, 2562 และปี 2563 จะเพิ่มขึ้นอีก ปี 2558 ประมาณ 190,000 ล้านบาท ปี 2563 นี้ประมาณ 230,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 50,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญกับการทหาร มีการจัดสรรงบประมาณที่ไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้ 

นายนิคม ระบุว่า ที่ผ่านมา กองทัพนำเงินส่วนนี้ไปซื้อสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นเรือดำน้ำ รถถัง ท่านอาจจะให้เหตุผลด้านความมั่นคง แต่ความความมั่นคงมีหลายด้าน อยากให้รัฐบาลมองความมั่นคงด้านอื่นๆด้วย ประชาชนจะมีความมมั่นคงต่อเมื่อประชาชนมีรายได้ ประชาชนมีอาชีพ นี่คือความมั่นคงของประชาชน ไม่ใช่มองความมั่นคงทางทหารเพียงอย่างเดียว ดังนั้น รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับงบประมาณที่จะก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศ เช่น งบประมาณแก้ปัญหาอุทกภัยระยะยาว สร้างอ่างเก็บน้ำ ควรเทงบมาตรงนี้ ถ้าประชาชนไม่แล้งน้ำ น้ำไม่ท่วม ทำการเกษตรได้ ประชาชนมีความมั่นคง นั่นคือความมั่นคงของประเทศ ไม่ใช่ความมั่นคงทางทหารอย่างเดียว

ติงเน้นงบพีอาร์รัฐบาล เมินสร้างรายได้ให้ประชาชน มุ่งแต่แจกเงิน

ขณะที่ ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า รายได้ของคนไทยมารวมกัน หรือ จีดีพี อยู่ที่ 17.8 ล้านล้านบาท เอามาหารกับหมื่นล้าน พบว่าน้อยกว่าครึ่งของครึ่งของครึ่งเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้คือการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เป็นการทำให้ ประชาชนเป็นทาสเงิน รอเงินจากรัฐบาล ไม่ต้องทำงาน ก็จะมีเงินจับจ่ายใช้สอย การพัฒนาเศรษฐกิจที่ดี ต้องสร้างรายได้ให้ประชาชน ให้ประชาชนออม ไม่ใช่ให้ประชาชนไปกู้มาเพิ่ม การเพิ่มรายจ่าย จะทำให้ชาติล่มจม ไม่มีประเทศไหนทำ นอกจากจะมีความตั้งใจให้ประชาชนเป็นทาสเงิน รอพึ่งพิงจากรัฐบาล ไม่ต้องทำงาน ขณะที่ประเทศจีนมีการช่วยเหลือคนยากจนด้วยการสร้างบ้านให้ ร่วมลงทุนถึงร้อยละ 90 ให้การศึกษา สาธารณสุข แต่เขาไม่ได้แจกเงิน เขานำเงินให้ทำให้ประชาชนมีรายได้และออมเงิน ไม่ใช้ให้เอาไปใช้ นี่คือสิ่งที่เขาทำกัน

"เดิมประเทศจีนมีคนยากจนมากถึง 900 ล้านคน ตอนนี้เหลือ 10 กว่าล้านคน แต่ไทยกำลังจะทำให้ประชาชนยากจนขึ้น นำเงินมาติดสินบนประชาชนก่อน คราวหน้าถ้าเลือกตั้งได้ ก็จะให้เงินอีก พี่น้องประชาชนต้องหยุด หากเรายังปล่อยให้เป็นอยู่อย่างนี้ เราจะเป็นเหมือนเวเนซูเอลา จากประเทศที่ร่ำรวย ส่งออกน้ำมันอันดับสองของโลก วันนี้ไม่มีจะกิน"

ศ.ดร.สุชาติ ระบุว่า รัฐบาลเก็บภาษี 2.7 ล้านล้านบาท จะขาดดุลงบประมาณ 470,000 ล้าน เป็นภาษีทางอ้อม ภาษีมูลค่าเพิ่ม 890,000 ล้านบาท ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม ร้อยละ 1 ประมาณ 120,000 ล้านบาท ทั้งนี้หลักการบริหารประเทศต้องให้ประหยัดรายจ่าย ไม่ใช่เพิ่มรายจ่าย หลักการบริหารประเทศที่ดี ต้องสร้างรายได้ แล้วออมเงินไปลงทุน ไม่ใช่แจกให้ไปกิน แล้วเงินหมดไป หากดูรายจ่ายงบประมาณทั้งหลาย ปรากฎว่าเป็นรายจ่ายไม่จำเป็นจำนวนมาก ทุกกระทรวงมีงบประชาสัมพันธ์ โฆษณากิจกรรมในสื่อ และค่าใช้จ่ายเดินทางเยอะ ควรตัดงบนี้สักร้อยละ 10 แล้วทำแบบจีน คือส่งเสริมให้ประชาชนที่ยากจนได้รับการศึกษา และหาเงินให้ลงทุน งบสำคัญอีกประการที่ต้องดูแลอย่างจริงจังคือ บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค ปัจจุบันยังขาด เหตุผลคือ เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยจะไม่มีใครดูแลตัวเองได้ 

ส่วนงบประมาณกระทรวงกลาโหม เป็นงบประมาณที่ใช้แล้วทำให้ประเทศเจริญช้าลง ใช้งบกลาโหมมากๆ อัตราการเจริญเติบโตของชาติจะต่ำ เราไม่เหมือนสหรัฐอเมริกา หรือจีน เพราะเขาผลิตอาวุธเอง มันเป็นจีพีดีเพราะเป็นสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ แต่ของเราไม่ใช่ เราซื้อเขามา มันเป็นรายจ่าย ไม่มีเงินก็ไปกู้มาซื้อ จึงเป็นปัญหาจริงๆ งบประมาณกลาโหมปีนี้ 300,000 กว่าล้านบาท และซุกอยู่ในส่วนอื่นอีกเยอะ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง