ไม่พบผลการค้นหา
ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อม.3/2555 ปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง เมื่อปี 2558 ให้จำคุก 3 ใน 5 กรรมการบริหารกรุงไทยคือ ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ อดีตประธานกรรมการบริหาร นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการบริหาร และนายมัฌชิมา กุญชร ณ อยุธยา อดีตกรรมการบริหาร คนละ 18 ปี

ส่วนอีก 2 กรรมการบริหารคือ นายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ และนายอุตตม สาวนายน อดีตกรรมการบริหาร และรมว.การคลัง ที่ร่วมลงมติอนุมัติสินเชื่อ ไม่ถูกสั่งฟ้อง ถูกกันไว้เป็นพยาน หลังให้การซัดทอดพาดพิงไปยัง 'บิ๊กบอส' หรือ 'ซุปเปอร์บอส' คือ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ที่ผู้อยู่เบื้องหลังคำสั่งให้ปล่อยกู้อย่าง'เลื่อนลอย'

ซึ่งศาลได้จำหน่ายคดีของ ดร.ทักษิณออกจากสารบบความไปแล้ว เนื่องจาก 'ไร้พยานหลักฐาน' ที่ทำให้เชื่อได้ว่า ดร.ทักษิณ คือผู้สั่งการเบื้องหลัง

ทว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 อัยการสูงสุด (อสส.) ก็ได้ยื่นเรื่องต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ให้นำคดีดังกล่าวของ ดร.ทักษิณในฐานะจำเลยที่ 1 กลับมาพิจารณาอีกครั้ง ตามเนื้อหาใหม่ที่กำหนดให้ 'ไต่สวนแบบลับหลัง' พร้อมออกหมายจับฐานหลบหนี นับเป็นคดีที่ 4 ที่มีการรื้อคดีขึ้นไต่สวนลับหลัง ในวันที่ 30 ส.ค.นี้

โดยศาลอาญามีคำสั่งยกฟ้อง เช่นเดียวกับคดีคดีสั่งกระทรวงการคลังบริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ ส่วนคดีโครงการหวยบนดิน มีคำสั่งจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา และคดีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยเงินกู้แก่เมียนมา 4 พันล้านบาท มีคำสั่งจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา

'วอยซ์ ออนไลน์' จึงขอทบทวนสรุป ไทม์ไลน์ของคดี ตลอดจนพลิกย้อนคำให้การของ 'ชัยณรงค์-อุตตม' ที่ 'เลื่อนลอย-ย้อนแย้ง-กลับไปกลับมา' ตลอดจนมีปัญหาขัดแย้งในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ต่อกรณี 'บิ๊กบอส-ซุปเปอร์บอส' จนที่สุดศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งยกฟ้องในวันที่ 30 ส.ค.แล้วนั้น


AFP-เปรม-ทักษิณ2.jpg
  • 'ชัยณรงค์' ปูด 'บิ๊กบอส-ซุปเปอร์บอส' ไร้มูล ขัดข้อเท็จจริง
  • 'อุตตม' อ้าง 'คนนอก-ผู้ใหญ่' สวนทางกัน

 เมื่อคดีกรุงไทยฯ เริ่มเรื่องแดง ก็ปรากฏคำว่า 'บิ๊กบอส-ซุปเปอร์บอส' จากชัยณรงค์ ให้การอย่าง 'ลอยๆ' ต่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อ 30 พ.ย. 2547 โดยอ้างถึง ร.ท.สุชายโทรศัพท์มาหาขอให้พิจารณาสินเชื่อ และกำชับว่า 'อย่าสอบถามข้อมูลมากนัก และขอให้พิจารณาอย่างรวดเร็ว' พร้อมพาดพิงถึง นายบุญคลี ปลั่งศิริ ว่า ร.ท.สุขายได้รับการติดต่อมาจาก 'ซุปเปอร์บอส-บิ๊กบอส' ซึ่งไม่ได้ระบุชัดว่าเป็นใคร

ก่อนพบอาการกลับไปกลับมาเมื่อชัยณรงค์ให้การต่อต่อ สตช. เมื่อ 24 ก.พ. 2548 มีการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำจาก อย่าถามมากและให้ทำอย่างรวดเร็ว เป็น 'อย่าคัดค้าน'

ด้านนายอุตตม สาวนายน รมว.คลังในปัจจุบัน ได้ให้การต่อทั้ง ธปท.เมื่อ 8 ธ.ค. 2547 และสตช. เมื่อ 25 ก.พ. 2538 โดยไม่มีการให้การถึงร.ท.สุชายโดยตรง บอกเพียงได้ฟังข้อความมาจากชัยณรงค์อีกทอดหนึ่งว่า ให้พิจารณาสินเชื่อด้วยความรวดเร็วเท่านั้น ไม่มีคำว่า 'บิ๊กบอส-ซุปเปอร์บอส' แต่อย่างใด แต่มีปรากฎคำว่า 'คนนอก-ผู้ใหญ่' อยู่ในนั้นด้วย

ข้อสังเกตจากคำให้การที่ขัดกับในข้อเท็จจริงคือ ทำไมการอนุมัติสินเชื่อวงเงินตั้งแต่ 2,000 ล้านบาทขึ้นไป ที่ต้องใช้การอนุมัติจากบอร์ดทั้ง 5 คน แบบเอกฉันท์ ร.ท.สุชายจึงติดต่อไปยังชัยณรงค์คนเดียว แต่ไม่ติดต่อไปยังอุตตมหรือบอร์ดรายอื่นๆโดยตรงด้วย ซึ่งจุดนี้ ร.ท.สุชายก็ย้ำในคำให้การหลายครั้ง 

  • หลังรัฐประหาร 49 ชัยณรงค์' ทึกทัก 'บิ๊กบอส' = 'ทักษิณ' เหตุ 'สุชาย' ชอบพูดอังกฤษ

กระทั่งเกิดรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ขึ้น คณะรัฐประหารก็มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ขึ้นมาตรวจสอบรัฐบาลทักษิณ รวมถึงคดีปล่อยกู้กรุงไทยฯด้วย

แต่ก็อย่างที่ทราบกันดีว่า บุคคลที่ถูกแต่งตั้งเป็น คตส.ล้วนแต่เป็นคู่ตรงข้ามของดร.ทักษิณอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ถูกตั้งคำถามถึงความชอบธรรมและความเป็นธรรมในทุกขั้นตอนการดำเนินคดีจนถึงวันนี้

วันที่ 12 ก.พ. 2550 'ชัยณรงค์' ให้การต่อคตส. ระบุชัดเป็นครั้งแรกว่า 'บิ๊กบอส-ซุปเปอร์บอส' ที่อ้างถึงนั้นอาจเป็น ดร.ทักษิณ หรือคุณหญิงพจมาน ซึ่งมีลักษณะเป็นการคาดเอา โดยอธิบายว่า ที่คิดว่าเป็นดร.ทักษิณนั้น เนื่องจาก บุญคลี ทำงานให้บริษัทในเครือของดร.ทักษิณ ส่วนร.ท.สุชายเป็นผู้ชอบพูดภาษาอังกฤษ จึงทำให้เข้าใจได้ว่า 'บิ๊กบอส-ซุปเปอร์บอส' อาจหมายถึงคนในครอบครัวชินวัตร ทว่าการให้การคตส.ครั้งต่อมา

ด้านคำให้การของ นายอุตตมเมื่อ 16 ก.พ. 2550 ก็ยังไม่ถึงร.ท.สุชายที่อ้างกันว่าได้รับคำสั่งจากดร.ทักษิณ ระบุเพียงได้ฟังข้อความมาจากชัยณรงค์อีกทีเหมือนตอนที่ให้การต่อธปท.และสตช.


อุตตม สภา _6644580346992001024_n.jpg
  • คตส. บี้หนัก แจ้งข้อหา'อุตตม' ก่อนกลับลำ โบ้ย 'ทักษิณ' ด้วย

กระทั่ง 6 มิ.ย. 2550 คตส. สรุปไม่แจ้งข้อกล่าวหานายชัยณรงค์ แต่แจ้งข้อกล่าวหาต่อนายอุตตม เป็นผู้ถูกล่าวหาที่ 19 หลังถูกแจ้งข้อกล่าวหา

โดย 'อุตตม' ก็ให้การต่อคตส.เปลี่ยนแปลงไป โดยพาดพิงถึง 'บิ๊กบอส-ซุปเปอบร์บอส' พร้อมคาดเดาว่าอาจจะเป็น ดร.ทักษิณ หรือคุณหญิงพจมาน เป็นครั้งแรกเมื่อ 13 มิ.ย. 2550 เช่นเดียวกับชัยณรงค์

ก่อนที่ทั้งคู่จะมีการกลับคำให้การไปในทำนองเดียวกันอีกครั้ง อย่างน่าประหลาดใจ หลังเวลาผ่านไปเพียง 2 วัน โดย 'ชัยณรงค์' เปลี่ยนคำให้การตัดคุณหญิงพจมาน คาดเดาว่า เป็นดร.ทักษิณเพียงคนเดียวมากกว่า เมื่อ 24 ต.ค. 60 เช่นเดียวกับ 'อุตตม'ที่ให้การแบบเดียวกัน เมื่อ 26 ต.ค. 2560


ธนาคารกรุงไทย
  • พิรุธเพียบ เด้งรับตัด 'พจมาน' หวังชงศาลอาญานักการเมืองฟันอดีตนายกฯ

ข้อสังเกตจากลำดับเวลาคือ หลังรัฐประหาร 'บิ๊กบอส-ซุปเปอร์บอส' ก็ถูกกล่าวหาอย่างเลื่อนลอยมาทาง ดร.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน

โดยเริ่มจากชัยณรงค์ และตามมาด้วยนายอุตตมที่คำให้การก่อนการรัฐประหารต่อ ธปท.และสตช. กับก่อนการถูกแจ้งข้อกล่าวหา ไม่ปรากฎ 'บิ๊กบอส-ซุปเปอร์บอส' แต่อย่างใด

แต่แล้วก็เปลี่ยนคำให้การมาสอดคล้องต่อชัยณรงค์มากขึ้นอย่างไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ เมื่อทั้งคู่ให้การตัดชื่อคุณหญิงพจมานทิ้งไป โดยให้การห่างกันแค่วันเดียวคือ 'ชัยณรงค์' 24 ต.ค. 2550 'อุตตม' 26 ต.ค. 2560

นำมาสู่ข้อสังเกตจากแวดงวงกฎหมายในการค้นพบอีกประการคือ คำให้การซัดทอดในครั้งแรกของนายชัยณรงค์และนายอุตตม ยังไม่ชัดเจน อาจทำให้เกิดปัญหาทางคดีในภายหลังหรือไม่ว่าใครเป็นผู้กระทำความผิดระหว่าง ดร.ทักษิณ หรือคุณหญิงพจมาน คตส. จึงให้ทั้งคู่มาให้การเพิ่มเติม โดยพร้อมใจตัดเหลือดร.ทักษิณเพียงคนเดียว เพื่อจะได้ดำเนินการต่อ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ใช่หรือไม่

  • 'บุญคลี' มึน ธปท.-ป.ป.ช.-คตส. ไม่เคยถามใครสั่งการ

ทั้งนี้ข้อสังเกตประการสำคัญ ชื่อของนายบุญคลีที่ถูกชัยณรงค์หยิบยกขึ้นกล่าวอ้างว่าคือต้นตอการนำคำสั่งบิ๊กบอส-ซุปเปอร์บอสมาบอกสั่งการอีกทอดอย่างเลื่อนลอยนั้น ปรากฎว่า ทุกหน่วยงาน ที่อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็น พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ ธปท. ป.ป.ช. หรือกระทั่งคตส.เอง ไม่เคย'สอบสวน'หรือ'ฟ้องร้อง'นายบุญคลีแต่อย่างใด

ทั้งที่นายบุญคลีถือเป็นพยานสำคัญและประจักษ์พยานในคดีดังกล่าว ที่ถูกอ้างว่า มีการพาดพิงถึง ดร.ทักษิณ เพียงคนเดียว ซึ่งจะได้นำมาพิสูจน์ต่อการเบิกความของชัยณรงค์และอุตตม แต่ก็ไม่ปรากฎ

แม้ คตส.จะเรียกนายบุญคลีไปสอบสวนเรื่องอื่นๆก็ตาม นี่คือสิ่งที่นายบุญคลีในฐานะพยานจำเลย เปิดเผยในการให้การต่อศาลฎีกาด้วยตนเอง

ที่สำคัญนายบุญคลีได้เบิกความต่อทั้งอัยการโจทก์และทนายจำเลยชัดเจนว่า ไม่เคยรู้จักกับร.ท.สุชายแต่อย่างใด และยืนยันว่า ไม่ว่าดร.ทักษิณ คุณหญิงพจมาน และพานทองแท้ก็ไม่เคยสั่งการเรื่องให้ช่วยขอสินเชื่อต่อร.ท.สุชายแน่นอน

  • แฉ คตส.ตัวการ งัดม.157 ขู่ธปท. สั่งเล่นงาน 'ทักษิณ'

ด้านแหล่งข่าวที่เกาะติดคดีมหากาพย์กว่า 16 ปี เปิดเผยอีกเบื้องหลังในดคีที่สำคัญว่า เมื่อครั้ง ธปท.ร้องทุกข์กล่าวโทษคดีนี้กับ สตช.นั้น ไม่ได้มีการกล่าวโทษต่อ ดร.ทักษิณแต่อย่างใด

แต่ คตส.เป็นผู้แจ้งให้ ธปท.ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ดร.ทักษิณ เป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีในภายหลัง และคตส.ได้แจ้งไปยังธนาคารกรุงไทย ให้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ดร.ทักษิณ อีกด้วย โดยหนังสือ คตส.ดังกล่าวแจ้งว่าหากธนาคารไม่ดำเนินการ คตส.จะใช้อำนาจตามกฎหมาย ป.ป.ช. สั่งการให้ธนาคารดำเนินการ และหากฝ่าฝืนอาจต้องระวางโทษจำคุก หรือปรับ หรือ คตส.อาจกล่าวหาผู้มีอำนาจของธนาคารฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย

"ธนาคารกรุงไทยจึงจำเป็นต้องดำเนินการตามที่ คตส.แจ้งมา ในการร้องทุกข์กล่าวโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นธนาคารกรุงไทย ยังไม่เห็นสำนวนการสอบสวนและพยานหลักฐานที่คณะกรรมการไต่สวนได้ทำการสอบสวนแต่อย่างใด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นข้อหาหรือฐานความผิด รวมทั้งตัวบุคคลและนิติบุคคล จึงล้วนเป็นการร้องทุกข์กล่าวโทษตามที่ คตส.สั่งให้ดำเนินการทั้งสิ้น"


อนุพงษ์ อุตตม นิด้ากับการพัฒนาประเทศไทย-อุตตม-อนุพงษ์
  • 'ปากคำ-การกระทำ' ยิ่งเลื่อนลอย - มโน 'ทักษิณ' เคยให้นโยบายคือ 'บิ๊กบอส'
  • 'อุตตม' ชิ่งเบิกความพยานโจทก์ เลี่ยงตอบข้อเท็จจริง-ซักค้าน

สุดท้ายที่ยิ่งตอกย้ำความเลื่อนลอย ไร้หลักฐานที่วางอยู่บนข้อเท็จจริง ก่อนมีการไต่สวนลับหลังดร.ทักษิณ ก็อยู่ที่ปากคำและพฤติกรรมอดีต 2 บอร์ดธนาคารกรุงไทย ที่รอดพ้นโทษเอง ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา

โดยชัยณรงค์ ได้เบิกความต่อศาลฎีกาว่า

"ร.ท.สุชาย ไม่ได้บอกว่า ซุปเปอร์บอสหรือบอสเป็นใคร แต่คำว่า ซุปเปอร์บอสหรือบอส เป็นคำที่ ร.ท.สุชาย ใช้อยู่เป็นประจำ และในการประชุมคณะกรรมการของธนาคาร เมื่อพูดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ทุกคนก็จะพูดถึงบอสหรือซุปเปอร์บอส เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยมาให้นโยบายที่ธนาคาร ทุกคนก็ทราบดีว่าเป็นบิ๊กบอสหรือซุปเปอร์บอสของพวกเรา"

ส่วนนายอุตตม รมว.การคลังนั้น ก็ไม่ได้เดินทางไปเบิกความเป็นพยานโจทก์ต่อศาลฎีกา เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าติดภารกิจ ซึ่งพยานปากนี้ถือเป็นประจักษ์พยานในคดีนี้และมีความสำคัญต่อข้อเท็จจริง โดยก่อนหน้านี้นายอุตตม ได้เคยขอเลื่อนการมาเบิกความต่อศาลฎีกาฯ มาแล้ว

ซึ่งน่าสังเกตว่าการที่นายอุตตม ซึ่งเป็นประจักษ์พยานแห่งคดี ไม่ยอมมาเบิกความในฐานะพยานโจทก์นั้นอาจเป็นเพราะนายอุตตม พยายามหลีกเลี่ยงที่จะตอบข้อเท็จจริง และหลีกเลี่ยงการถูกทนายจำเลยซักค้านหรือไม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง