พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ระบุกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านเพื่อไทย  ระบุว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหลังจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า ยังไม่ทราบ และการอภิปรายก็เป็นไปตามข้อเท็จจริง เชื่อว่าสามารถชี้เเจงได้ และขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของฝ่ายค้านว่าอภิปรายเพื่ออะไร เพราะหลายหลายอย่างในวันนี้ก็ปล่อยข่าวจนวุ่นวายไปหมด เช่น การยุบสภา การเอาคนนั้นคนนี้มาร่วมงาน ซึ่งตนยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆทั้งสิ้น  รวมถึงชื่อของนายกรณ์ จาติกวณิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ด้วย จะให้ตนทำอย่างไร เพราะวันนี้เราอยู่กันด้วยพรรรคการเมือง มีพรรคร่วมรัฐบาลจำนวนมาก ซึ่งเรื่องสัดส่วนต่างๆก็เป็นเรื่องอนาคต ใครจะมาร่วมกันได้หรือไม่ได้ก็ยังไม่รู้ เพราะเป็นกติกาทางการเมือง 

ส่วนจะต้องมีการเสริมทีมเศรษฐกิจขึ้นมาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่หรอก แต่อยู่ที่กลไกของเรา ต้องยอมรับว่ารัฐมนตรีหรือนายกฯ ไม่ได้คุมกระทรวงทั้งหมด เพราะเป็นสัดส่วนตามประชาธิปไตย  ซึ่งตนจะทำกลไกใหม่ขึ้นมาเพื่อจะได้หารือร่วมกันได้ เอาเรื่องกิจกรรมมาจับ เช่น การตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนต่างๆ  ที่เป็นวาระแห่งชาติ ทั้งเรื่องเอสเอ็มอี การลงทุนด้านเศรษฐกิจโดยให้รองนายกฯ รับผิดชอบ ซึ่งคล้ายกับการเป็นรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจไปด้วย และขณะนี้ตนยังไม่ได้คิดดึงบุคคลภายนอกเข้ามา เพราะแค่เพียงคนไหนก็ไม่พออยู่แล้ว อีกทั้งยังต้องเป็นมติของแต่ละพรรคด้วย  โดยมีพรรคหลักคือพรรคพลังประขารัฐ และพรรคร่วมรัฐบาลรวม 19 พรรค ซึ่งทุกคนก็อยากมีสัดส่วนในตรงนี้

นายกฯ ยังกล่าวว่า จะมีวาระเเห่งชาติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งต้องหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย เพราะเขามีกฎหมายของเขาเอง ในการดูแลเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ  โดยต้องเทียบเคียงกับต่างประเทศด้วย ที่มีความแตกต่างกันโดยต้องไปหาสาเหตุไม่สามารถทำได้ เพราะการเอาตัวเลขมาเทียบกันอย่างเดียวไม่ได้

ส่วนกรณีสูตรคณิตศาสตร์ในการจัดเก้าอี้รัฐมนตรี ส.ส. 7 คน ได้ 1 รัฐมนตรี  นายกฯ กล่าวว่า ตนยังไม่รู้ เพราะยังไม่ได้มองถึงตรงนั้น และยังไม่ถึงเวลา แต่เมื่อถึงเวลาฝ่ายการเมืองจะไปคุยกันเอง เพราะวันนี้หลายอย่างก็มีกระบวนการตรวจสอบอยู่ จะเห็นได้ว่าหลายพื้นที่ก็ต้องเลือกตั้งใหม่ ยังไม่นิ่งหรอก ค่อยนิ่งก่อนแล้วค่อยว่ากัน จะปรับ ครม. เมื่อไหร่ก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะเป็นไปตามสถานการณ์