ไม่พบผลการค้นหา
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สนธิกำลังตำรวจ กองบังคับการปราบปราม และ อย. บุกรวบหมอกระเป๋าเดลิเวอร์รี่ฉีดสารเสริมความงาม 2 ราย ย่านมีนบุรี พบไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ใช้ยาและเวชภัณฑ์ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ อย. ฟันความผิดรวม 9 กระทง ชี้เป็นอันตรายต่อประชาชน เสี่ยงทั้งติดเชื้อ ตาบอด หรือถึงกับเสียชีวิตได้

เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (12 พ.ย. 2561) ณ กองบังคับการปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายแพทย์ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่ากรม สบส.ได้รับทราบถึงเบาะแสการลักลอบให้บริการเดลิเวอรี่ฉีดสารเสริมความงามถึงที่พัก โดยหมอกระเป๋าในย่านมีนบุรี จึงได้ร่วมมือกับตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) บุกจับหมอกระเป๋าทั้ง 2 ราย โดยรายแรกเป็นหญิง อายุ 31 ปี สำเร็จการศึกษาด้านการตลาด จับได้ขณะเข้ามาให้บริการฉีดสารเสริมความงามในที่พักของผู้รับบริการ

ส่วนรายที่ 2 เป็นหญิง อายุ 42 ปี  เป็นผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาล จับได้ในที่พักของตนขณะให้บริการ โดยที่หมอกระเป๋าทั้ง 2 ราย ไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม อีกทั้งยาและเวชภัณฑ์ที่ใช้ก็ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ อย. พนักงานเจ้าหน้าที่จึงแสดงตนพร้อมแจ้งข้อหากับผู้กระทำผิดรายแรก 5 กระทง ประกอบด้วย

1) ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2) ดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3)ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4) จำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท

5) จำหน่ายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีความผิดตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนรายที่ 2 มีความผิด 4 กระทง ตามข้อที่ 1-4

นายแพทย์ณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 กำหนดให้การศัลยกรรมเสริมความงาม ด้วยการศัลยกรรมหรือฉีดสารเสริมความงามประเภทต่างๆ จะต้องกระทำโดยแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม และทำในสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น หากกระทำโดยผู้ที่ไม่มีความชำนาญ หรือทำในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐานก็จะก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อผู้รับบริการ ทั้งการติดเชื้อจากเครื่องมือไม่สะอาด สารที่ฉีดเข้าไปอุดตันหลอดเลือดทำให้เนื้อตาย ซึ่งมักพบได้บ่อยที่จมูก หรือร่องแก้ม และหากสารเสริมความงามไปอุดตันหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงจอประสาทตาก็จะทำให้ตาบอด อีกทั้ง การที่สารเสริมความงามรั่วไหลเข้าไปในกระแสเลือด หรือผู้รับบริการมีอาการแพ้อย่างรุนแรงอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้


ภาพ : pixabay.com/Myriams-Fotos


อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :