ไม่พบผลการค้นหา
ธ.ก.ส. ย้ำพร้อมเริ่มโอนเงินเยียวยาเกษตรกลุ่มแรกรายละ 5,000 บาทเป็นเวลา 3 เดือน ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ และจะโอนเงินเยียวยาให้เกษตรกลุ่มที่ 2 ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ ขณะเริ่มเปิดให้คนไม่มีบัญชี ธ.ก.ส.แจ้งโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารอื่นได้แล้ว ผ่านเว็บไซต์ www.เยียวยาเกษตรกร.com

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2563 เห็นชอบให้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19)โดยจ่ายเงินให้แก่ครัวเรือนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับหน่วยงานของรัฐรายละ5,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน (พ.ค.–ก.ค. 63)จำนวน 10ล้านราย วงเงินงบประมาณจำนวน 150,000 ล้านบาท สำหรับขั้นตอนการจ่ายเงินดังกล่าว ธ.ก.ส. จะรับข้อมูลผู้ขึ้นทะเบียนที่ผ่านการตรวจสอบแล้วจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงในกรณีเกษตรกรมีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. แล้ว สามารถใช้บัญชีเงินฝากเดิมได้ โดยไม่ต้องมาเปิดบัญชีใหม่

ส่วนเกษตรกรที่ไม่มีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. สามารถแจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากที่มีอยู่กับธนาคารอื่น โดยเตรียมหมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ และเลขที่บัญชีเงินฝากธนาคารอื่นจากนั้นเข้าเว็บไซต์ www.เยียวยาเกษตรกร.com ซึ่งมีเกษตรกรบางส่วนได้แจ้งบัญชีเงินฝากธนาคารอื่นแล้ว ทั้งนี้เป็นเพียงการรับแจ้งช่องทางในการโอนเงินเท่านั้น ยังไม่ได้ตรวจสอบความซ้ำซ้อนของการให้ความช่วยเหลืออื่นๆ ของรัฐ เช่น การเยียวยาผู้ประกอบอาชีพอิสระ (เราไม่ทิ้งกัน) ข้าราชการบำนาญ ประกันสังคม หรือโครงการอื่น ๆ

นายอภิรมย์ กล่าวว่า กรณีเกษตรกรที่อยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2563 ซึ่งหมดเขตวันที่ 15 พ.ค.2563 จะไม่พบข้อมูลในเว็บไซต์ เนื่องจากข้อมูลที่กระทรวงเกษตรฯ จัดส่งให้ ธ.ก.ส. กลุ่มเป้าหมายแรกจำนวน 8.35 ล้านราย เป็นข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรเพียง ณ วันที่ 30 เม.ย.2563 ดังนั้น เกษตรกรจะสามารถแจ้งบัญชีเงินฝากธนาคารอื่น หลังจากได้ตรวจสอบความซ้ำซ้อนตามเงื่อนไขของโครงการ โดยเริ่มแจ้งได้ตั้งแต่วันที่ 27พ.ค. 2563

และ ธ.ก.ส. จะเริ่มโอนเงินเข้าบัญชีกลุ่มเป้าหมายที่ 2 พร้อมกับเกษตรกรที่มีบัญชี ธ.ก.ส. ในวันที่ 29 พ.ค.2563 เป็นต้นไป นอกจากนี้ เว็บไซต์ดังกล่าวยังสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ โดยเกษตรกรที่ได้รับเงินกลุ่มแรกกว่า 8 ล้านราย สามารถตรวจสอบได้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.2563 เป็นต้นไป

“โครงการดังกล่าว ธ.ก.ส. จะเร่งดำเนินการภายใต้การควบคุมการแพร่กระจายของโรค COVID-19 อย่างเคร่งครัด ซึ่งนอกจากเกษตรกรไม่จำเป็นต้องมีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. แล้ว ยังสามารถใช้บัตร ATM ของ ธ.ก.ส.และของธนาคารอื่นๆ ถอนเงินจากตู้ ATM ได้ทุกธนาคาร หรือใช้โทรศัพท์มือถือที่มีแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile ถอนเงินโดยไม่ใช้บัตร ATM ที่ตู้ ATM ของธ.ก.ส. ได้อีกด้วย” นายอภิรมย์กล่าว

สำหรับเกษตรกรกลุ่มแรก คือ เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ 8.43 ล้านราย และกลุ่มที่ 2 เกษตรกรที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ไม่เกิน 1.57 ล้านราย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :