ไม่พบผลการค้นหา
'โจโก วิโดโด' สาบานตนรับตำแหน่ง ปธน.อินโดนีเซียสมัยที่ 2 โดยสั่งงดพิธีสวนสนาม-งานฉลองทางวัฒนธรรม เพื่อลดแรงกดดันของกลุ่มผู้ไม่พอใจผลการเลือกตั้งที่ประท้วงต่อต้านการรับตำแหน่งใหม่ครั้งนี้ ทั้งยังเคยเกิดจลาจลรุนแรงจนมีผู้บาดเจ็บหลายราย

นายโจโก วิโดโด หรือ 'โจโกวี' วัย 58 ปี เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ตุลาคม 2562 หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้งรับรองชัยชนะของโจโกวีในการเลือกตั้งทั่วประเทศที่จัดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม พิธีสาบานตนในครั้งนี้ไม่มีการเดินสวนสนามและไม่มีการเฉลิมฉลองด้านวัฒนธรรม มีเพียงกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐและฝ่ายสนับสนุนนายโจโกวีจำนวนหนึ่งที่ได้รับอนุญาตให้ชูป้ายและเดินขบวนเชิญธงชาติอินโดนีเซียก่อนถึงพิธีสาบานตน ทั้งยังมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงและตำรวจปราบปรามจลาจลกว่า 30,000 นาย เพราะก่อนหน้านี้มีกลุ่มผู้ต่อต้านนายโจโกวีประกาศว่าจะรวมตัวเดินขบวนคัดค้านพิธีสาบานตน

สาเหตุที่ทำให้มีผู้คัดค้านโจโกวีมาจากหลายปัจจัย โดยการเดินขบวนครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน เกิดจากความไม่พอใจที่รัฐบาลภายใต้การนำของโจโกวีร่างกฎหมายบางฉบับ เช่น ร่างกฎหมายห้ามหญิงและชายอยู่ด้วยกันโดยไม่ได้แต่งงาน และการปรับแก้กฎหมายต่อต้านการทุจริต ที่ส่อเค้าว่าอาจจะลดอำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติอินโดนีเซีย (KPK) ทำให้กลุ่มนักศึกษารวมตัวต่อต้าน

ผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งออกมาเดินขบวนเพราะรู้สึกว่าโจโกวีได้กลายเป็นนักการเมืองทั่วๆ ไปที่ไม่ทำตามคำมั่นสัญญาเรื่อง 'การปฏิรูประบบการปกครอง' ต่างจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2557 ที่เขาระบุว่าตัวเองเป็นพลเรือนที่ไม่มีเครือข่ายอำนาจโยงใย และประกาศตัวลงสนามการเมืองเพื่อปฏิรูปประเทศ ทำให้ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน

AFP-เจ้าหน้าที่รัฐประจำทำเนียบประธานาธิบดีชูป้ายสนับสนุนโจโกวีและรอง ปธน.ที่เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งสมัยที่ 2.jpg
  • เจ้าหน้าที่รัฐประจำทำเนียบประธานาธิบดีชูป้ายข้อความสนับสนุนโจโก วิโดโด รับตำแหน่งสมัยที่ 2

นอกจากนี้ยังมีกรณีประชาชนพื้นเมืองในปาปัวตะวันออก รวมตัวต่อต้านเจ้าหน้าที่ทหารและหน่วยงานความมั่นคงที่นำกำลังเข้าขับไล่ชาวบ้านออกจากที่ดินทำกิน โดยระบุว่าบริเวณดังกล่าวถูกเวนคืนเพื่อนำไปใช้ในโครงการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน นำไปสู่การปะทะรุนแรงและมีผู้เสียชีวิตนับสิบคน และเจ้าหน้าที่ระบุด้วยว่าเป็นการตอบโต้และปราบปรามกลุ่มกบฎในพื้นที่ซึ่งโจมตีคนงานในโครงการก่อสร้างถนนเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว

ส่วนประชาชนที่สนับสนุนนายปราโบโว ซูเบียนโต คู่แข่งของโจโกวีในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เคยชุมนุมประท้วงรุนแรงเมื่อเดือนพฤษภาคม เพราะไม่เห็นด้วยกับผลการเลือกตั้งซึ่งระบุว่าโจโกวีได้คะแนนเสียง 55.5 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิทั้งหมด ส่วนปราโบโวได้คะแนนเพียง 44.5 เปอร์เซ็นต์ จนมีผู้กล่าวหาว่ามีการทุจริตเลือกตั้งเกิดขึ้น ก่อนที่ กกต.ของอินโดนีเซียจะประกาศยืนยันผลคะแนนอย่างเป็นทางการ

ด้วยเหตุดังกล่าว ทำให้สื่อหลายสำนัก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มองว่าการสาบานตนรับตำแหน่งสมัยที่ 2 ของโจโกวี ไม่มีเรื่องให้เฉลิมฉลองมากนัก และยังมีปัญหาอีกหลายอย่างที่รอการแก้ไข ขณะที่โจโกวีประกาศว่า รัฐบาลของเขาจะสานต่อโครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและคมนาคม รวมถึงเสนอนโยบายช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยต่างๆ แต่โครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์ก่อนหน้านี้เช่นกันว่า เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนต่างชาติมากกว่าคนในประเทศ เช่น โครงการรถไฟความเร็วปานกลางที่ได้รับการสนับสนุนจากจีน

AFP-ขบวนประท้วงต่อต้านโจโกวีที่ไม่พอใจเรื่องการแก้ไขกฎหมายลดอำนาจหน่วยงานตรวจสอบทุจริตในอินโดนีเซีย.jpg
  • กลุ่มนักศึกษาเดินขบวนต่อต้านนโยบายปรับแก้กฎหมายของรัฐบาลโจโก วิโดโดเมื่อเดือน ก.ย.2562

อย่างไรก็ตาม บุคคลสำคัญจากประเทศต่างๆ ยังเดินทางไปร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีสาบานตนของโจโกวีกันอย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน ออสเตรเลีย และประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู)

นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ส่งข้อความพระราชสาส์นแสดงความยินดีไปยังนายโจโก วิโดโด ในโอกาส สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เป็นสมัยที่ 2 ในวันที่ 20 ตุลาคม 2562 ความว่า ฯพณฯ นายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย กรุงจาการ์ตา ในโอกาสที่ท่านเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเชีย เป็นสมัยที่ 2 ข้าพเจ้าขอส่งคำอำนวยพรและความปรารถนาดีอย่างจริงใจ เพื่อความสำเร็จและความสุขของท่านประธานาธิบดี ทั้งเพื่อความผาสุกและความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นของประเทศและประชาชนชาวอินโดนีเซีย

ข้าพเจ้าเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ด้วยการนำและการสนับสนุนอันเข้มแข็งของท่าน ประเทศของเราทั้งสองจะยังคงร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างเสริมความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกัน และขยายขอบเขตความร่วมมือในทุกระดับให้กว้างขวางออกไป อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประเทศ และประชาชนทั้งสองฝ่ายเป็นอเนกประการ (พระปรมาภิไธย) มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

ที่มา: Aljazeera/ Financial Review/ Jakarta Post

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: